ไทม์ไลน์ ผู้สนับสนุน “ทรัมป์” บุกยึดรัฐสภาสหรัฐฯ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์หลายพันคนมารวมตัวกันที่กรุงวอชิงตันดีซี โดยมีทรัมป์เปิดปราศรัย จากนั้นพวกเขาหลายร้อยคนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด

ถอดมุมมอง ม็อบหนุน “ทรัมป์” บุกป่วนรัฐสภาสหรัฐฯ

เรื่องใหญ่รับต้นปี ต่อเนื่องจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จัดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ปีแล้ว ที่ผลออกมาปรากฎว่าทรัมป์แพ้การเลือกตั้งให้กับโจ ไบเดน

นับตั้งแต่วันนั้น ไม่มีวันไหนเลยที่ทรัมป์ออกมาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ เขายังคงใช้ทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนแปลผลการเลือกตั้งให้ให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจต่อเป็นสมัยที่ 2 ทั้งใช้วิถีทางกฎหมาย เช่น ยื่นเรื่องไปยังรัฐต่างๆเพื่อให้มีการนับคะแนนใหม่ มีหลายรัฐเช่น จอร์เจีย ให้มีการนับคะแนนใหม่ถึง 3 รอบตามคำร้องขอ แต่ผลก็ยังออกมาเช่นเดิมนั่นคือ ทรัมป์แพ้การเลือกตั้ง

กระบวนการที่จะได้มาซึ่งผู้นำคนใหม่ซึ่งไม่ใช่ทรัมป์ก็ดำเนินไป หลังการเลือกตั้ง คณะผู้เลือกตั้งจากทั่วประเทศก็มาประชุมกันเมื่อกลางเดือนธันวาคม และโหวตเลือกไบเดนให้เป็นผู้นำคนใหม่

จนถึงขั้นสุดท้ายคือ การให้สภาคองเกรสรับรองผล เป็นพิธีกรรมขั้นสุดท้ายก่อนจะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำเหน่งในอีก 14 วันข้างหน้า เป็นโอกาสสุดท้ายของทรัมป์ และเขาเลือกใช้วิธีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นวิธีการที่น่าอับอาย บั่นทอนประชาธิปไตยของประเทศ นั่นคือ การปลุกม๊อบบุกเข้าไปในสภา โดยกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มขวาจัดอย่างกลุ่ม Proud Boys ได้นัดรวมตัวกันล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้วว่าให้มารวมตัวกันให้ได้มากที่สุดในวันที่สภาประชุม

ทรัมป์เองก็ออกมาสนับสนุนและประกาศว่าเขาจะเข้าร่วมด้วย หลายฝ่ายคาดการณ์แล้วว่าจะเกิดความรุนแรง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ กลับรุนแรงกว่าที่หลายคนคิด

กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์หลายพันคนมารวมตัวกันที่กรุงวอชิงตันดีซี โดยมีทรัมป์เปิดปราศรัย จากนั้นพวกเขาหลายร้อยคนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด ขณะที่สภาคองเกรสกำลังอยู่ในกระบวนการรองรับผลการเลือกตั้งอยู่
มีการทุบทำลายข้าวของภายในอาคาร และทำร้ายเจ้าหน้าที่ นับเป็นการประท้วงที่เป็นภัยต่อการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของสหรัฐฯ อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เรามาไล่เรียงกันว่าตลอดทั้งวันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 6 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่นของกรุงวอชิงตัน ดีซี ในสหรัฐฯ
กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์หลายพันคนได้ออกมารวมตัวกันที่เวทีปราศรัยที่ถูกตั้งขึ้นที่บริเวณอุทยานเนชันแนล มอลล์เพื่อต่อต้านการรับรองผลการเลือกตั้งโดยสภาคองเกรส ที่มีกำหนดรองรับคะแนนเสียงของผู้แทนเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้โจ ไบเดน ชนะเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 6 มกราคม ซึ่งนับเป็นขั้นตอนที่รองรับชัยชนะของโจ ไบเดนอย่างเป็นทางการ ก่อนเขาเข้าพิธีสาบานตนขึ้นเป็นประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม

กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ ที่มีทั้งประชาชนทั่วไปจนถึงกลุ่มขวาจัดอย่าง Proud Boys ได้นัดกันมาแล้วล่วงหน้าให้มารวมตัวกันในวันนี้ให้ได้มากที่สุด และเป็นไปตามที่คาดการณ์ พวกเขามารวมตัวกันอย่างคับคั่ง ต่างชูธงชาติสหรัฐอเมริกา รูปทรัมป์ และป้ายข้อความที่เขียนว่าหยุดขโมยการเลือกตั้ง

จนเวลา 12.45 น. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดปราศัยกับฝูงชนตามที่เขาเคยบอกไว้ว่าเขาจะมาเข้าร่วมชุมนุมในวันนี้
เขาประกาศบนเวทีว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ให้กับการเลือกตั้งที่ถูกขโมยไป และยังพูดปลุกมวลชนให้กลุ่มเดินขบวนไปยังสภาคองเกรส แม้ทรัมป์จะประกาศบนเวทีว่า พวกเขาจะเดินทางไปยังสภาคองเกรสอย่างสันติ แต่สถานการณ์ก็เกินจะควบคุม

เวลาบ่าย 14.15 ฝูงชนจำนวนมากมุ่งหน้าไปยังอาคารรัฐสภา โดยพวกเขาเข้าไปยังบริเวณบันไดฝั่งตะวันออกของอาคารรัฐสภา และจากนั้นสถานการณ์ก็เริ่มตึงเครียด

กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์เริ่มทำลายแนวกั้นและปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้สเปรย์พริกไทยและยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมจนเกิดควันคลุ้งไปทั่ว
มีรายงานด้วยว่า กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บางส่วนที่สวมชุดป้องกันตัวได้พ่นสารเคมีที่ทำให้ระคายเคืองใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อฝ่าแนวกั้นเข้าไปในอาคารรัฐสภาด้วย

ซึ่งในขณะนั้น ภายในอาคารรัฐสภา สภาคองเกรสกำลังประชุมกันเพื่อรองรับผลการเลือกตั้งที่โจ ไบเดนชนะ ที่ประกอบด้วยสภาชิกวุฒิสภา และสภาผู้แทน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขอกำลังเสริมจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ และหน่วยเจ้าหน้าที่อารักขาเพื่อเข้าช่วยสกัดกั้นผู้ชุมนุม และนำบุคคลสำคัญที่อยู่ภายในอาคารรัฐสภาออกจากอาคารทันที

ซึ่งในที่นี่รวมถึง กมลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนึ่งในสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ในสภาคองเกรสเพื่อรองรับผลการเลือกตั้งด้วย

ขณะที่ผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ได้นำวัตถุบริเวณนั้นทุบหน้าต่างกระจกอาคารรัฐสภาจนแตก ก่อนนะทยอยกันบุกเข้าไปภายในอาคาร หลังจากนั้นไม่นานราว 45 นาที

ฝูงชนภายนอกอาคารรัฐสภาก็สามารถบุกทำลายแผงกั้นและฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในอาคารรัฐสภาได้ กลุ่มสนับสนุนทรัมป์จำนวนมากพรั่งพรูเข้าไปในพื้นที่อาคารรัฐสภา

หลายคนตะโกนว่า “พวกเขาอยู่ไหน” และหลายคนตะโกนว่า “เราต้องการทรัมป์” หลายคนตะโกนว่า “ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง”

บริเวณบันไดหน้าอาคารรัฐสภาเต็มไปด้วยกลุ่มสนับสนุนทรัมป์ที่เดินกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นที่ ผู้ประท้วงบางส่วนปีนขึ้นไปบนยอดโครงเหล็กหน้าอาคารรัฐสภาเพื่อชูธงชื่อทรัมป์

ซึ่งหากสังเกตบนระเบียงตรงยอดอาคารรัฐสภา (ภาพจากไกลๆ) จะเห็นเจ้าหน้าที่ 3-4 รายยืนถือปืนสไนปเปอร์คอยควบคุมสถานการณ์อยู่ด้วย

ฝูงชนจำนวนมากเรียงแถวยาวทยอยเดินเข้าไปภายในอาคารรัฐสภา และบางส่วนได้บุกเข้าไปภายในห้องประชุมของวุฒิสภา ที่ในตอนนั้นสมาชิกวุฒิสภาได้ถูกอพยพย้ายออกจากห้องประชุมไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่เอกสารที่วางทิ้งไว้

โดยมีผู้ชุมนุมคนหนึ่งได้ขึ้นไปบนบัลลังก์วุฒิสภาและตะโกนทรัมป์ชนะเลือกตั้งด้วย จนเป็นภาพที่ถูกแชร์ไปในวงกว้าง

ขณะที่ชายอีกรายหนึ่งบุกเข้าไปยังห้องทำงานของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และได้ขึ้นไปนั่งบนโต๊ะโดยเอาเท้าขึ้นไปพาดบนโต๊ะทำงานของเธอด้วย
โดยก่อนออกไปเขายังทิ้งกระดาษที่เขียนข้อความว่า "We will not back down." หรือเราจะไม่ยอมแพ้ ทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานของเธอด้วย

ขณะที่สถานการณ์ในห้องประชุมของสภาผู้แทนราษฎรภายในอาคารรัฐสภาวุ่นวายไม่แพ้กัน
คลิปวีดีโอนี้บันทึกเหตุการณ์ไว้ว่า มีชายรายหนึ่งได้ถืออาวุธปืนอยู่ภายในห้องประชุม และตะโกนให้ทุกคนนั่งลง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์

ขณะที่บรรยากาศรอบๆ อาคารรัฐสภาเต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวาย
ผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าว New York Post โพสต์คลิปรายงานสถานการณ์ว่า ผู้ชุมนุมได้นำอุปกรณ์ดับเพลิงที่ติดตั้งภายในอาคารมาฉีดเล่น เพื่อสร้างความวุ่นวาย

หรืออย่างผู้ชุมนุมรายนี้ที่ใส่หมวกสีแดงสัญลักษณ์ของการสนับสนุนทรัมป์ และเอาธงชาติปิดบังใบหน้า ได้เอาราวแผงเหล็กชนทำลายประตูเพื่อบุกทำลายเข้าไป จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องฉีดแก๊สน้ำตาเพื่อสกัดกั้น

ขณะที่ผู้ชุมนุมรายอื่นๆ ได้เดินไปทั่วอาคาร บางรายชูธง บางรายสวมใส่ชุดเครื่องแบบทหาร คือคอสตูมเขากวาง
มีรายงานด้วยว่าผู้ชุมนุมบางรายขโมยทรัพย์สินภายในอาคาร เช่นผู้ชุมนุมรายนี้ที่ขโมยโพเดียมของรัฐสภาไป

ส่วนนี่คือสภาพห้องทำงานภายในรัฐสภา หลังผู้ชุมนุมบุกเข้าไปทำลายข้าวข้องและสร้างความเสียหาย
เอกสารถูกทิ้งวางเกลื่อนทั่วพื้น จนสร้างความกังวลให้กับเจ้าหน้าที่ว่า เอกสารและไฟล์สำคัญอาจถูกผู้ชุมนุมทำลายหรือขโมยไปด้วย

เป็นเวลาอยู่หลายชั่วโมง กว่าจะมีความเคลื่อนไหวจากโดนัลด์ ทรัมป์ และว่าที่ประธานาธิบดีอย่างโจ ไบเดน

ว่าที่ประธานาธิบอย่างโจ ไบเดนได้ออกมาแถลงการณ์จากศูนย์บัญชาการถ่ายโอนอำนาจที่รัฐเดลาแวร์

เขาได้เรียกร้องให้ทรัมป์ออกมาแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศเพื่อประณามการกระทำของผู้ประท้วง เพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยของประเทศ โดยไบเดนบอกว่า นี่ไม่ใช่การประท้วง แต่คือการก่อการจลาจล

ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ใช้เวลาอยู่กว่า 3 ชั่วโมงกว่าจะออกมาเคลื่อนไหว ตั้งแต่ขึ้นปราศรัยปลุกระดมมวลชนบนเวทีเมื่อตอนเที่ยง จนต่อมาเกิดความรุนแรงอย่างที่ไม่มีใครคาดคิ

โดยเขาโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ ยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการโกงเกิดขึ้น แต่ขอให้ผู้ชุมนุมไม่ใช้ความรุนแรง ขอให้สลายตัว และขอให้ทุกคนกลับบ้าน แต่ทรัมป์มีการลงท้ายข้อความว่า We love you  ซึ่งถูกตีความว่า นี่ไม่ใช่การสั่งให้ถอย และเป็นการให้ท้ายคนที่สร้างความวุ่นวาย

ทวิตเตอร์ได้บล็อคข้อความนี้ของทรัมป์  ส่วนเฟซบุ๊คได้บล็อกบัญชีใช้งานเพจของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเวลา 24 ชม.
แต่สถานการณ์ภายในก็ยังมีความรุนแรง เวลา 17.06 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ มีรายงานว่า มีผู้ชุมนุมหนึ่งรายเสียชีวิต จากเหตุการณ์ปะทะกับตำรวจ

นี่คือภาพเหตุการณ์วินาทีที่ผู้ชุมนุมปะทะกับตำรวจ จนตำรวจตัดสินใจยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุม และกระสุนเข้าไปโดนที่หน้าอกของหญิงรายหนึ่งจนเสียชีวิต

ภายในวีดีโอ ได้ยินเสียงผู้ชุมนุมตะโกนว่า ใครยิงเธอ ขณะที่เจ้าหน้าที่บอกให้วางตัวเธอลงกับพื้น ต่อมามีรายงานว่า ผู้ชุมนุมอีก 3 รายเสียชีวิต

จนกระทั่งเวลา 17.39 นาทีตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมพื้นที่อาคารรัฐสภาเอาไว้ได้ และมีรายงานว่า เจ้าหน้าหน่วยเก็บกู้ระเบิดได้ทำลายวัตถุต้องสงสัยด้านนอกสำนักงานของพรรครีพับลิกันที่อยู่ไม่ห่างจากอาคารรัฐสภา
ช่วงนั้นผู้ชุมนุมจำนวนมากยังไม่ไปไหน คราคร่ำบริเวณหน้าอาคารจนถึงช่วงหัวค่ำเพราะสภาพยายามเริ่มประชุมอีกครั้ง

จนเวลา 18.00 น. มูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดีซี ตัดสินใจประกาศเคอร์ฟิว โดยมีผลเลยทันทีจนถึง ถึง 06.00 น. ของวันที่ 7 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น เธอแถลงว่า นี่คือเหตุโจมตีประชาธิปไตยของประเทศอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ท้ายที่สุดเวลาประมาณ 18.30 น. ตำรวจวอชิงตัน ดีซีได้ออกมาแถลงการณ์ว่า สามารถควบคุมสถานการณ์โดยกันผู้ชุมนุมออกจากบริเวณรัฐสภาได้แล้ว จับกุมผู้ชุมนุมไป 52 ราย และได้ยึดอาวุธผิดกฎหมาย

หลังจากนั้นก็มีการเสริมกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิเพิ่มอีกเกือบ 3,000 นายรอบอาคารรัฐสภา เพื่อให้ สส และ สว เริ่มประชุมเพื่อประกาสผลการนับคะแนนและรับรองว่า โจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ โดยการประชุมเริ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงประมาณ 4 ทุ่ม

ไล่ลำดับเหตุการณ์บุกรัฐสภาสหรัฐฯ ความรุนแรงครั้งใหญ่ในดินแดนแห่งเสรีภาพ

 

 

 

 

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ