มาเลเซีย พบ โควิด-19 ระบาดใหญ่ 5,000 ราย ที่โรงงานถุงมือ
นายกฯ ลั่น ปชช.ต้องได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกคน
ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2,000-3,000 รายต่อวัน ซึ่งสูงมากหากเทียบกับการระบาดระลอกแรก คือ มีนาคมปี 2020 ในตอนนั้นพบผู้ติดเชื้อรายวันราว 100-300 รายเท่านั้น
ส่งผลให้ นายมุฮ์ยิดดิน ยัซซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงการณ์ยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เพราะถ้าไม่ทำยอดผู้ติดเชื้อสูงถึง 8,000 รายต่อวัน
การยกระดับมาตรการควบคุมโรคระบาดทำให้รัฐและพื้นที่ 8 แห่ง ต้องตกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบนาน 2 สัปดาห์
รัฐและพื้นที่ทั้ง 8 แห่งคือ ปีนัง สลังงอร์ มะละกา ยะโฮร์ ซาบาห์ กัวลาลัมเปอร์ ปุตราจายา และเกาะลาบวน
การล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบของมาเลเซียมีชื่อว่า Movement Control Order (MCO) เป็นการควบคุมการเคลื่อนที่ของประชาชน
ภายใต้มาตรการดังกล่าว ประชาชนต้องอยู่บ้าน ,จำกัดการเดินทางของประชาชนให้อยู่ในรัศมี 10 กิโลเมตรจากที่พัก ,ร้านค้าและธุรกิจที่ไม่จำเป็นต้องปิดให้บริการชั่วคราว ,ส่วนร้านอาหารสามารถขายสำหรับซื้อกลับบ้านเท่านั้น, ห้ามเดินทางข้ามรัฐทั่วประเทศ
สำหรับรัฐอื่นๆ ที่มีการติดเชื้อไม่รุนแรงจะใช้มาตรการควบคุมการเคลื่อนที่ของประชาชนที่มีความเข้มงวดน้อยลง
ส่วนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ State of Emergency รัฐบาลประกาศใช้จนถึงเดือนสิงหาคม เกิดขึ้นหลังจากสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน อับดุลเลาะห์ รีอายาตุดดิน อัล-มุสตาฟา บิลลาห์ ชาห์ ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รัฐบาลประกาศ
สถานการณ์ฉุกเฉินมีผลทำให้ประชุมรัฐสภาและกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมถูกระงับ
โดยหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะทำให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรียัสซินที่กำลังสั่นคลอนใช้ช่องทางนี้ในการยื้อยึงอำนาจ
มาเลเซียต้องกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ประเทศแบบเข้มงวดรอบที่ 2 เพื่อควบคุมการระบาดระลอก 3 ของเชื้อไวรัส
ซึ่งการระบาดระลอก 3 ถือเป็นการระบาดที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่มาเลเซียเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19
มาเลเซียจัดการกับการระบาดรอบแรกได้ดี ยอดผู้ติดเชื้อราว 100 รายต่อวัน แต่ระบาดครั้งใหม่นี้หนักขึ้น
เริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2020 ในกลุ่มแรงงานต่างชาติ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในโรงงานผลิตถุงมือแห่งหนึ่งในเขตกลาง ทางตะวันตกของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่พบผู้ติดเชื้อจากการตรวจคราวเดียวถึง 5,000 คน