วิจัยพบ ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มเดียว มีประสิทธิภาพสูงสุด 76%
วารสารดังยืนยันแล้ว! วัคซีนโควิด-19 Sputnik-V ประสิทธิภาพ 92% จริง
ทางการเยอรมนีแนะ ยังไม่ควรฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาให้ผู้อายุมากกว่า 65 ปี
36ข่าวแห่งปี : วัคซีนโควิด-19 กับสงครามที่ยังไม่สิ้นสุด
วันนี้ (4 ก.พ.) อังกฤษได้เริ่มการทดลอง เพื่อประเมินประสิทธิภาพการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 หากใช้วัคซีนโควิด-19 “ไฟเซอร์” และ “แอสตราเซเนกา” ร่วมกันแบบสลับโดส
การทดลองดังกล่าวจะตรวจสอบการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกายเมื่อฉีดวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์เป็นโดสแรก และใช้แอสตราเซเนกาเป็นโดสที่สอง เว้นระยะระหว่างโดส 4 และ 12 สัปดาห์ รวมถึงทดลองกลับกัน โดยใช้แอสตราเซเนกาเป็นโดสแรกตามด้วยไฟเซอร์
วัคซีนโควิด-19 ทั้งของไฟเซอร์และแอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนที่ได้รับอนุมัติให้ใช้งานแล้วในอังกฤษ ปัจจุบันมีประชาชนในอังกฤษได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วราว 10.1 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 14.9 ของประชากรทั้งระเทศ
คาดว่าจะมีการเพิ่มวัคซีนจากบริษัทอื่น ๆ ในการทดลองนี้ในอนาคต นักวิจัยกล่าวว่า การรับอาสาสมัครเริ่มขึ้นในวันนี้ มีผู้เข้าร่วมแล้วมากกว่า 800 คน ซึ่งยังมีจำนวนน้อยกว่าการทดลองทางคลินิกที่ใช้เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของวัคซีนค่อนข้างมาก
ด้วยความที่วัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์ เป็นวัคซีนชนิด mRNA ขณะที่แอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนชนิด Vector การทดลองจึงจะไม่ประเมินประสิทธิภาพโดยรวมของการใช้วัคซีนร่วมกัน แต่นักวิจัยจะเก็บข้อมูลการตอบสนองของแอนติบอดี รวมทั้งตรวจสอบผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แมททิว สเนป นักวัคซีนวิทยาของออกซ์ฟอร์ด ซึ่งเป็นผู้นำการทดลองนี้กล่าวว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่โดสแรกและโดสสองเป็นคนละชนิดกันมีความสำคัญ เพราะหากมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือพอกันกับการใช้วัคซีนชนิดเดียว 2 โดส ก็จะทำให้มีความยืดหยุ่นในการฉีดวัคซีนโควิด-19 มากขึ้น โดยข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการทดลองนี้คาดว่าจะเผยแพร่ประมาณเดือนมิถุนายน
การทดลองนี้รับเฉพาะอาสาสมัครที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ซึ่งอาจมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่อายุน้อยกว่า รวมถึงต้องยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เลย
นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนการ่วมกับวัคซีน Sputnik-V ของรัสเซีย หัวหน้าฝ่ายวิจัยของแอสตราเซเนกากล่าวว่า ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้วัคซีนร่วมกัน
เรียบเรียงจาก Reuters
ภาพจาก Shutterstock