“มิน อ่อง หล่าย” รับปากจัดการเลือกตั้ง พร้อม คืนอำนาจให้พรรคที่ชนะ
ตร.เมียนมาฉีดน้ำสลายผู้ประท้วงในเนปิดอว์
ประชาชนตามเมืองใหญ่ของเมียนมายังคงออกมาชุมนุมประท้วงกันจำนวนมาก โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างสงบ หลายคนสวมหมวกนิรภัยและรองเท้าผ้าใบ เตรียมพร้อมรับมือหากมีการใช้ความรุนแรง
ขณะที่สื่อท้องถิ่น Myanmar Now รายงานว่า มีตำรวจอย่างน้อย 1 คน ในกรุงเนปิดอว์ และอีก 4 คน ในเมืองมะกเว (Magwe) ร่วมการประท้วงด้วย บางคนติดริบบิ้นสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของการทำอารยะขัดขืน ขณะที่มีคนหนึ่งถึงกับขึ้นกล่าวประณามการยึดอำนาจของกองทัพด้วย
การที่ตำรวจออกมาร่วมประท้วงต่อต้านกองทัพนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มากในประเทศที่ถูกปกครองโดยทหารมายาวนาน โดยเจ้าหน้าที่ที่ร่วมการประท้วงอาจจะถูกลงโทษทางวินัยขั้นร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรง หลังผู้ชุมนุมเผชิญหน้ากับตำรวจ โดยตำรวจเมียนมาได้ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุมในหลายพื้นที่ เช่น กรุงเนปิดอว์ และเขตพะโคในนครย่างกุ้ง ก่อนจะเริ่มใช้กระสุนยางในกรุงเนปิดอว์ โดยผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตำรวจได้ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ 2 ครั้ง ก่อนจะยิงกระสุนยางใส่ผู้ประท้วง
ส่วนที่เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประกาศกฎอัยการศึก ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม ขณะที่มีผู้ประท้วงถูกควบคุมตัวแล้วอย่างน้อย 27 คน
ชาวเมียนมาทำอารยะขัดขืนต้านรัฐประหารเป็นวันที่ 2
เมื่อวานนี้ กองทัพเมียนมาได้ประกาศกฎอัยการศึกห้ามรวมตัวเกิน 5 คน และใช้คำสั่งเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานระหว่าง 20.00-04.00น. ในกรุงเนปิดอว์ นครย่างกุ้ง และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศที่มีการชุมนุมประท้วงใหญ่ รวมถึงเมืองมัณฑะเลย์
จากนั้น พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานคณะการปกครองแห่งรัฐ ได้แถลงต่อประชาชนเป็นครั้งแรก เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 สัปดาห์ของการทำรัฐประหาร ย้ำความชอบธรรมในการทำรัฐประหาร โดยอ้างว่าการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วไม่มีความโปร่งใส พร้อมรับปากจะจัดการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม และจะคืนอำนาจให้กับพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งด้วย
สำหรับระบอบประชาธิปไตยที่มีหลายพรรค การเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมสำคัญสำหรับระบอบประชาธิปไตยในระยะยาว หลังจากครบกำหนดประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เราจะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญปี 2008 ต่อไป เราจะจัดการเลือกตั้งแบบหลายพรรค และมอบอำนาจให้แก่ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งนั้น ตามกติกาประชาธิปไตย ผมอยากขอให้ประชาชนทุกคำนึงถึงข้อเท็จจริง มากกว่าความรู้สึกส่วนตัว
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ไม่ได้เอ่ยชื่อของนางซูจี หรือพาดพิงถึงกลุ่มผู้ประท้วงต้านรัฐประหารโดยตรง บอกเพียงว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้
ส่วนความเคลื่อนไหวจากนานาชาติ ที่ผ่านมา หลายชาติตะวันตกได้ออกมาประณามการรัฐประหารในเมียนมา แต่ยังมีการดำเนินการเป็นรูปธรรมน้อยมากเพื่อกดดันกองทัพเมียนมา
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ ประกาศว่า รัฐบาลจะระงับความสัมพันธ์และการติดต่อสื่อสารทางทหารและทางการเมืองทุกรูปแบบกับเมียนมา เพื่อตอบโต้การรัฐประหารที่เกิดขึ้น ขณะที่คณะรัฐมนตรีลงมติออกมาตรการจำกัดการเดินทางกับผู้นำทหารระดับสูงของเมียนมา และทำให้แน่ใจว่าความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ทางการจัดส่งให้เมียนมา จะไม่ตกไปสู่กองทัพ
ด้านคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เตรียมประชุมสมัยพิเศษในวันศุกร์นี้ (12 ก.พ.) เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาร์ ตามการร้องขอจากอังกฤษและสหภาพยุโรป ขณะที่กลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการกับกองทัพเมียนมา เช่น การคว่ำบาตรนายพลระดับสูงและครอบครัว