จีนโบ้ย บอก WHO "ต้นตอโควิด-19 อยู่ที่สหรัฐฯ"
ยูเอ็นแฉ 10 ประเทศร่ำรวยได้วัคซีนโควิด-19 ไป 3 ใน 4 ของทั้งหมดที่มีในโลก
ข่าวความคืบหน้าล่าสุดประกาศโดย ดีมาส โควาส ผู้อำนวยการสถาบันบูตันตัน ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการแพทย์ในรัฐเซา เปาโล ซึ่งศูนย์แห่งนี้รับตัวอย่างวัคซีนจากบริษัทซิโนแวค ไบโอเทคในจีนมา และผลิตวัคซีนใช้เองในประเทศ
โดยสถาบันบูตันตันได้เปิดเผยผลทดสอบทางคลีนิคว่า วัคซีนโคโรนาแวค ที่ผลิตจากบริษัทซิโนแวค ให้ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิดกลายพันธุ์ชนิดที่พบในสหราชอาณาจักรและแอฟริกาใต้ได้ดี
อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเผยรายละเอียดผลวิจัยออกมาว่าประสิทธิภาพการป้องกันอยู่ที่เท่าไหร่ ตลอดจนรายละเอียดของการทดสอบในกลุ่มตัวอย่าง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บราซิลทดสอบวัคซีนของซิโนแวค ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม ทางบราซิลก็เพิ่งจะออกมาประกาศว่า วัคซีนซิโนแวคมีประสิทธิภาพได้ผลป้องกันโควิด-19 ทั่วไปดี โดยระบุค่าประสิทธิภาพที่ร้อยละ 78
ส่วนเมื่อวานนี้ ดีมาส โควาส ผู้อำนวยการสถาบันบูตันตันเองก็ได้ไปร่วมชมการฉีดวัคซีนครั้งสำคัญในเมืองเซอร์รานา ที่ตั้งอยู่ในรัฐเซา เปาโล
ที่สำคัญก็เพราะ บราซิลกำลังใช้เมืองนี้เป็นสถานที่ทดสอบและวิจัยวัคซีนของซิโนแวคอีกแห่ง โดยระบุว่า ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กๆ จึงเหมาะที่จะทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีน
โครงการนี้มีชื่อว่า Project S แผนคือ รัฐบาลบราซิลจะฉีดวัคซีนซิโนแวคให้กับประชากรที่มีอายุมากกว่า 18 ปี จำนวน 30,000 คน ในช่วง 8 สัปดาห์ข้างหน้านี้ นั่นหมายความว่าในอีก 2 เดือน บราซิลอาจมีผลการทดสอบใหม่ๆ เกี่ยวกับวัคซีนซิโนแวคเผยออกมาอีก
แม้จะยังไม่มีรายละเอียดเปิดเผยออกมา แต่ผลการวิจัยล่าสุดนับว่ามีความสำคัญต่อไทย เพราะซิโนแวคเป็นวัคซีนตัวเดียวกันกับที่ไทยใช้ ซึ่งหากช่วยป้องกันการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ได้จริง นั่นหมายความว่า วัคซีนนี้ไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม
วัคซีนซิโนแวคกำลังจะมาถึงในสัปดาห์หน้า ย้อนทำความรู้จักกับวัคซีนตัวนี้เพิ่มวัคซีนของซิโนแวคเป็นวัคซีนที่ผลิตจากการใช้เชื้อตาย ซึ่งเป็นวิธีการผลิตวัคซีนที่ใช้กันมานาน ด้วยการนำไวรัสที่อ่อนแอและไม่อาจก่อโรคร้ายแรงแล้วมากระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
แตกต่างจากวัคซีนของไฟเซอร์ และโมเดอร์นาที่ใช้ mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ด้วยการนำเอาพิมพ์เชียวส่วนหนามไวรัสมากระตุ้นภูมิคุ้มกัน ซึ่งซิโนแวคต้องฉีดสองโดส
ข้อดีคือ วัคซีนชนิดนี้เก็บไว้ได้ในอุณหภูมิของตู้เย็นปกติ คือราว 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยให้การกระจายวัคซีนเป็นไปได้สะดวกกว่า อย่างในบราซิล ที่ต้องส่งวัคซีนไปยังพื้นที่ห่างไกลของชนเผ่าในป่าแอมะซอน
แต่ปัญหาคือ ผลการทดสอบวัคซีนชนิดนี้ยังไม่นิ่ง และประสิทธิภาพแตกต่างกันไปในหลายประเทศ เช่น ในตุรกีระบุว่า ซิโนแวคป้องกันได้ร้อยละ 91.3 บราซิลระบุว่าร้อยละ 78 ส่วนอินโดนีเซียระบุที่ 65.3 และเป็นผลทดสอบที่ประเทศที่ซื้อนำไปทดสอบกันเอง ไม่ใช่ผลทดสอบที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทางการแพทย์ หรือ peered review
อย่างไรก็ตามแม้ผลจะยังไม่นิ่ง และอนามัยโลกยังไม่รับรอง แต่ขณะนี้ซิโนแวคได้กระจายไปในหลายประเทศแล้ว โดยเหตุผลหลักคือวัคซีนดังกล่าวผลิตได้เร็ว
ล่าสุด ฮ่องกง เพิ่งจะอนุมัติการใช้วัคซีนซิโนแวคไปเมื่อวานนี้ โดยคาดกันว่าล๊อตแรกจะมาถึงในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้
ปัจจุบันประเทศที่รับวัคซีนซิโนแวคมาแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบเฟสที่สามในมนุษย์ได้แก่ บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และตุรกี
