“กษิต” มอง เมียนมาคุยไทย-อินโดฯ หาตัวช่วย
พายุ รัฐประหาร บทบาทอาเซียนต่อวิกฤตการณ์ในเมียนมา
กองทัพเมียนมาเคลื่อนรถหุ้มเกราะคุมเมือง-ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต
ผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งในชุดขาว ออกมานั่งสวดมนต์ให้กับนางออง ซาน ซู จี ที่หน้าบ้านพักของเธอในนครย่างกุ้ง เพื่อขอให้เธอปลอดภัยและถูกปล่อยตัวในเร็ววัน นางซู จี ถูกกองทัพจับกุมตัวไปตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะเกิดการรัฐประหาร ต่อมาเธอถูกตั้ง 2 ข้อหาคือ การครอบครองวิทยุสื่อสาร Walkie Talkie จำนวน 6 เครื่องอย่างผิดกฎหมาย และการฝ่าฝืนมาตรการป้องกันโรคระบาด ซึ่งแต่ละข้อหามีโทษสูงสุดคือจำคุก 3 ปี โดยกำหนดการพิจารณาคดีครั้งต่อไปของเธอคือวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่า กองทัพจะบังคับใช้กฎหมายคุมขังโดยไม่พิจารณาคดีกับนางซู จี กฎหมายที่เพิ่งประกาศบังคับใช้ภายหลังยึดอำนาจ หรือไม่เปิดโอกาสให้นางซู จีนำทนายความเข้าไปว่าความในศาลได้ ซึ่งในการพิจารณาคดีครั้งแรกเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทนายความของเธอก็ไม่สามารถเข้าไปร่วมฟังได้
ด้านขิ่น หม่อง ซอ ทนายความของนางซู จี ออกมาแสดงความกังวลว่า การพิจารณาคดีที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์นี้จะเป็นไปอย่างไม่ยุติธรรม เนื่องจากจนถึงตอนนี้ทีมกฎหมายของนางซู จี ไม่ได้รับอนุญาตให้พบกับเธอเลย จึงมีความกังวลว่าจะไม่สามารถเตรียมเอกสาร หรือข้อมูลอะไรได้ทัน
ล่าสุดวันนี้ในย่างกุ้งมีความเคลื่อนไหวที่เข้มข้นจากตำรวจมากกว่าทุกวัน เป็นเมืองที่มีความเคลื่อนไหวและการประท้วงที่เข้มข้นที่สุด วันนี้ก็เช่นเดียวกัน คนออกมาเหมือนเดิม พอเข้าช่วงบ่ายเกิดความชุลมุนขึ้น เมื่อตำรวจได้ยิงปืนใส่ผู้ชุมนุมอย่างไม่เลือกหน้า คนหนีด้วยความตกใจ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และยังไม่มีการยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนประเภทไหน
นอกจากนี้ มราท จอ ทู นักข่าวอิสระชาวเมียนมารายงานว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ยิงปืนใส่ผู้ประท้วง ชายคนหนึ่งที่ติดป้ายระบุว่าเป็นสื่อมวลชนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไป
ขณะเดียวกันมีรายงานในเวลาต่อว่า นักข่าวที่ถูกจับไปเป็นนักข่าวอิสระชาวญี่ปุ่นชื่อว่ายูกิ คิตาซูมิ สำนักข่าว The Japan Times รายงานอ้างคนสนิทของเขาที่โพสต์บนเฟซบุ๊คว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่ตีศีรษะ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บมาก มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พยายามจะจับกุมนักข่าวรายอื่น ๆ ด้วย แต่ผู้ชุมนุมมาช่วยกันหาที่หลบซ่อนให้นักข่าว เบื้องต้นสำนักข่าว Myanmar Now รายงานว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้สื่อข่าว 2 คน ประชาชนอีกกว่า 10 คน
ด้านโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นออกมาแถลงว่า ได้รับรู้ข่าวแล้ว แต่ตอนนี้กำลังรอการยืนยันข้อมูลรายละเอียด หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ชาวเมียนมาจึงยิ่งเรียกร้องให้ต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างญี่ปุ่นเองให้เข้ามากดดันกองทัพ
เป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่เจ้าหน้าที่เริ่มใช้กำลังหรืออาวุธกับผู้ชุมนุมในย่างกุ้ง เมืองที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ก่อนการไล่ยิงในวันนี้ เมื่อวานนี้ตำรวจก็ใช้ปืนยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง เมื่อวานไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
อีกเมืองที่มีความวุ่นวายเนื่องจากการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่คือมัณฑะเลย์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิต 2 คนที่นั่น ล่าสุดสำนักข่าวอิรวดีของเมียนมาได้รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย รายแรกคือ โค ยาซา ออง (Ko Yarzar Aung) อายุ 26 ปี เขาถูกยิงที่เข่าข้างขวาก่อนจะถุกจับกุมโดยเจ้าหน้าตำรวจ รายงานเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เขาได้ได้รับการรักษาระหว่างถูกจับกุม ทำให้เขาเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บเมื่อวันพุธที่ผ่านมา รายที่สองคือ โค จี ซอ (Ko Kyi Soe) วัย 48 ปี ขณะกำลังถ่ายวิดีโอการปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรงของกองทัพ เท่ากับว่าตอนนี้มีชาวเมียนมาเสียชีวิตแล้วทั้งหมด 6 ราย นับตั้งแต่เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐประหาร และมีมากกว่า 25 รายที่ได้รับบาดเจ็บ
ในฟากของกองทัพ วันนี้มีความเคลื่อนไหวคือ ประกาศให้ผลการเลือกตั้งที่พรรค NLD ของนางซู จีชนะอย่างถล่มทลายเป็นโมฆะ สำนักข่าวอิรวดีรายงานว่าว่า อู เต็ง ซอ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ที่ถูกแต่งตั้งโดยทหารระบุว่า ผลการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปี 2020 ที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) นับว่าเป็นโมฆะ
โดยในการก่อรัฐประหารครั้งนี้ กองทัพได้อ้างว่าทำขึ้นเพราะพรรค NLD ของนางซู จีโกงการเลือกตั้ง ซึ่งกองทัพจะเข้ามาสอบสวนและจะจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ แต่ระหว่างนี้กองทัพได้ประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว 1 ปี และเคยประกาศว่าจะอยู่ในอำนาจต่อหลังจากนั้นไปอีก 6 เดือน
ซึ่งก่อนหน้านี้เร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียได้ประกาศริเริ่มแผนการในการกดดันกองทัพให้จัดการเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด แต่แผนการนี้ถูกประชาชนและนักเคลื่อนไหวตั้งคำถามและตอบโต้อย่างรุนแรง เพราะพวกเขามองว่าการจัดการเลือกตั้งใหม่ เท่ากับเป็นการให้ความชอบธรรมกับการก่อรัฐประหารของกองทัพ ที่ก็ไม่ได้มีหลักฐานมาสนับสนุนข้อกล่าวหาที่ว่าพรรค NLD โกงการเลือกตั้ง
โดยผู้ชุมนุมต่างออกมาประท้วงหน้าสถานทูตอินโดนีเซีย รวมถึงหน้าสถานทูตไทยเองที่รัฐมนตรีต่างประเทศของเมียนมาได้เดินทางมาพบปะนายกรัฐมนตรีของไทย จึงน่าจับตามองต่อไปว่า หลังจากกองทัพประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะแล้ว จะมีการออกมากำหนดไทม์ไลน์การเลือกตั้งใหม่หรือไม่ และเมื่อไหร่ และท่าทีของชาวเมียนมาต่อเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร รวมไปถึงท่าทีของอาเซียนเอง ที่จะสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ท่ามกลางการต่อต้านจากชาวเมียนมาอย่างรุนแรง
