ยูเอ็นเผย ม็อบเมียนมา 28 ก.พ. มีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย
เมียนมาเดือดหนัก ภาพการชุมนุมยังระอุ ด้านจนท.ใช้กระสุนจริงตายอีกอย่างน้อย 2 ราย
ทูตเมียนมาโดนกองทัพปลดจาก UN หลังชู 3 นิ้ว กลางที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ
พันตำรวจตรีจากกองกำลังตำรวจภูมิภาคย่างกุ้งประกาศเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ว่า เขาได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับประชาชนผู้ประท้วงที่ต่อต้านการรัฐประหาร
ติน มิน ตุน ว่าที่พันตำรวจตรีกองกำลังพิเศษสันติบาลได้วิดีโอไลฟ์สตรีมบนเฟซบุ๊ก พร้อมกล่าวว่า “ผมไม่ต้องการรับใช้ภายใต้ระบอบการปกครองของทหารในปัจจุบันอีกต่อไป นั่นคือเหตุผลที่ผมเข้าร่วมกระทำอารยะขัดขืน เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผมอยู่เคียงข้างพี่น้องเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่น ๆ”
เขาบอกว่า เขาอยู่กับตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นหน่วยข่าวกรองของตำรวจซึ่งทำหน้าที่หลักในการตรวจสอบนักเคลื่อนไหวและนักการเมืองตั้งแต่ปี 1989 แต่ได้ยื่นใบลาออกเมื่อวันศุกร์ (26 ก.พ.) เพื่อประท้วงการนำเมียนมากลับสู่การปกครองของทหาร ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการทำลายอนาคตของประเทศ
“หากระบอบทหารยึดอำนาจ เราจะไม่บรรลุสิ่งที่ต้องการในอีก 20 หรือ 25 ปีข้างหน้า เราจะแพ้อีกครั้ง” เขากล่าว
ในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดที่มีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารจนถึงขณะนี้ เขาตั้งข้อสังเกตว่า ตำรวจที่แสดงตนเข้าร่วมกับผู้ประท้วงจะต้องโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี ภายใต้กฎหมายวินัยตำรวจพม่า
“ผมอยากจะบอกให้เพื่อน ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่าถูกต้อง” เขากล่าวเสริม
ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ตำรวจในหลายพื้นที่ของประเทศได้เข้าร่วมกับผู้ประท้วงเพื่อเรียกร้องให้นำรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งกลับคืนมา ทำให้เกิดกระแส “ตำรวจของประชาชน”
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามผู้ประท้วงที่โหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งได้สังหารพลเรือนที่ไม่มีอาวุธไปแล้วหลายสิบคน รวมถึงเหตุล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 18 คน
ในวิดีโอไลฟ์สตรีม ติน มิน ตุน กล่าวถึงภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่ของกองกำลังตำรวจจากบทบาทในการช่วยเหลือรัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจขัดต่อเจตจำนงของประชาชน
เมื่อพูดถึงเพื่อนเจ้าหน้าที่ของเขา เขากล่าวว่า เพื่อน ๆ ควรพิจารณาว่า พวกเขาจะมีหน้าไปเจอกับคนรุ่นต่อไปอย่างไรหากยังวางตัวตรงข้ามกับประชาชนเช่นนี้อยู่
เกี่ยวกับอนาคตของเขาเอง มิน ติน ตุน บอกว่า เขาจะปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตา
“ถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะส่งผมเข้าคุกก็ช่างมันเถอะ นี่คือการเสียสละของผมเพื่อครอบครัวและประเทศของผม ... ผมอยากบอกลูก ๆ และสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ ให้สงบสติอารมณ์ ผมไม่ได้คุยเรื่องนี้กับพวกเขา ผมทำไปเพราะไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไป” เขากล่าวเสริม
การแสดงอารยะขัดขืนเริ่มต้นโดยแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านการดูแลสุขภาพอื่น ๆ มีข้าราชการจากหลายกระทรวงรวมทั้งพนักงานธนาคารเข้าร่วมด้วย
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจภาคย่างกุ้งยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลระดับสูงได้เข้าร่วมส่วนหนึ่งของการแสดงอารยะขัดขืนแล้ว
“เขาเป็นฮีโร่ เราเคารพการตัดสินใจของเขาเป็นอย่างยิ่ง” เจ้าหน้าที่ซึ่งขอไม่เปิดเผยตัวตนกล่าว
เขาเสริมว่าเขาต้องการที่จะปฏิบัติตาม แต่ก็ไม่อาจทำเช่นนั้น เพราะไม่เพียงแต่จะส่งผลให้เขาต้องรับโทษจำคุกเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อครอบครัวของเขาด้วย
เรียบเรียงจาก Myanmar Now
ภาพจาก Myanmar Now