ต่างชาติ ขู่ กลับมาคว่ำบาตรเมียนมา อีกครั้ง
ธนาคารโลกเผย รัฐประหารเมียนมากระทบประชาธิปไตย-การพัฒนาประเทศ
กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ดำเนินการขึ้นบัญชีดำนายอ่อง ปแย โซน (Aung Pyae Sone) และนางสาวขิ่น ตียิ เธต โมน (Khin Thiri Thet Mon) บุตรชายและบุตรสาวของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา รวมถึง บริษัทเอกชน 6 แห่งที่ทั้งคู่เป็นเจ้าของ เพื่อตอบโต้การทำรัฐประหารและการสังหารกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง นับตั้งแต่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลวอชิงตัน จะส่งผลทำให้บุคคลและบริษัทดังกล่าวถูกอายัดทรัพย์สินในสหรัฐฯ และห้ามชาวอเมริกันไม่ให้ทำธุรกรรมกับผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีดำดังกล่าว
ด้านนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ออกโรงเตือนว่า รัฐบาลอาจดำเนินมาตรการลงโทษเพิ่มเติมอีก และประณามการควบคุมตัวนักการเมือง นักเคลื่อนไหวและผู้ที่เห็นต่างกว่า 1,700 คน รวมถึงกรณีที่กองกำลังความมั่นคงใช้ความรุนแรงในการกวาดล้างประชาชนมือเปล่า จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 60 คน ในช่วงเวลากว่า 1 เดือน หลังการรัฐประหาร
ขณะที่ก่อนหน้านี้กลุ่ม Justice for Myanmar ระบุว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ใช้อำนาจในทางมิชอบกอบโกยผลประโยชน์ให้กับครอบครัว ด้วยการใช้อภิสิทธิ์เข้าถึงทรัพยากรของรัฐ และวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดของกองทัพ
ด้านผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนขององค์กรฮิวแมน ไรต์ วอตช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวชื่นชมบทลงโทษของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่พุ่งเป้าโจมตีทรัพย์สินของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา แต่เรียกร้องให้สหรัฐฯ ดำเนินบังคับใช้มาตรการที่เด็ดขาดยิ่งขึ้นอีก
ขณะที่นายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย แถลงว่า รัฐบาลติดตามความวุ่นวายในเมียนมา ประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยความเป็นกังวล ตลอดจนเรียกร้องให้มีการลดระดับสถานการณ์ความรุนแรงลงและปล่อยตัวผู้ที่ถูกคุมขังในเร็ววันนี้ พร้อมเสริมว่า ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายแสวงหาทางออกอย่างสันติ
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวเมียนมาในประเทศไทย ออกไปรวมตัวเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อประท้วงต่อต้านการก่อรัฐประหารของกองทัพเมียนมาและการใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วง