ศักยภาพ “กองทัพเมียนมา” ติดอันดับ 38 จาก 139 ประเทศ
ครั้งแรก 26 มี.ค."วันหยุดประจำภาคเหนือ" ไหว้พระธาตุ มงคลประจำปีเกิด
ฉากหน้าดูเหมือนปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่เบื้องหลังลุ่มลึกกว่านั้นเพราะสับปะรดเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่จีนตั้งใจกดดันไปยังไต้หวัน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่ามีเป้าหมายรวมชาติ และนับจากนี้ความขัดแย้งระหว่างจีน-ไต้หวันอาจลุกลามมาเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของภูมิภาค
เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จีนได้ระงับการนำเข้าสับปะรดจากไต้หวันเป็นการชั่วคราว โดยอ้างว่ามีความเสี่ยงว่าแมลงศัตรูพืชจะแฝงมากับสับปะรดและอาจส่งผลเสียหายต่อพืชผลของจีน
กระนั้นหลายฝ่ายเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวคือความพยายามของจีนเพื่อสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจของไต้หวัน
ข้อมูลจากสภาการเกษตรแห่งไต้หวันระบุว่า ไต้หวันสามารถผลิตสับปะรดได้มากถึง 420,000 ตันต่อปี และส่งออกเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ซึ่งประเทศหลักที่รับสับปะรดจากไต้หวันก็คือจีน
แต่เมื่อไต้หวันไม่สามารถส่งออกได้ สับปะรดจึงตกค้างและอาจก่อปัญหาราคาตกตามมา ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือเกษตรกร
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นรัฐบาลไต้หวันประกาศวางงบประมาณช่วยเหลือเกษตรกรราว 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1,100 ล้านบาท
นอกจากนั้น ไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวันยังได้เรียกร้องให้ประชาชนในประเทศสนับสนุนเกษตกรที่ปลูกสับปะรดในประเทศด้วยการรับประทานสับปะรดที่ปลูกในไต้หวัน
การรณรงค์ครั้งนี้เรียกว่า Pineapple Challenge ผู้นำไต้หวันได้ทวีตข้อความระบุว่า หลังจากที่จีนเพิ่มภาษีนำเข้าไวน์จากออสเตรเลียเป็นร้อยละ 200 เมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้จีนได้พุ่งเป้ามาที่สับปะรดของไต้หวันแล้ว พร้อมย้ำว่าสับปะรดของไต้หวันผ่านการตรวจสอบมากถึงร้อยละ 99.79 การตัดสินใจของจีนฝ่ายเดียวไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักการค้าที่เป็นธรรมหรือเรื่องสุขภาพใดๆ
นอกจากนั้น โจเซฟ วู รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันยังได้ทวีตข้อความเรียกร้องให้นานาชาติยืนหยัดเคียงข้างไต้หวัน พร้อมติดแฮชแท็ก #Freedom Pineapple หรือที่แปลว่า สับปะรดแห่งเสรีภาพ
ผลที่ได้คือความร่วมมืออย่างพร้อมเพรียง เพราะบรรดาผู้ใช้โซเชียลมีเดียต่างพากันติดแฮชแท็ก #Freedom Pineapple เพื่อสนับสนุนการรับประทานสับปะรดของไต้หวัน
มีรายงานระบุว่า เพียงไม่กี่วันหลังรัฐบาลไต้หวันออกแคมเปญ รณรงค์ให้ประชาชนหันมากินสับปะรดไต้หวัน ปรากฏว่ามียอดสั่งซื้อสับปะรดมากเทียบเท่ากับจำนวนสับปะรดที่ส่งออกไปจีนแล้ว
ด้านร้านอาหารในไต้หวันเองก็ร่วมด้วยช่วยกัน ออกเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบจากสับปะรด อย่างเช่น ข้าวผัดสับปะรดจานนี้ สะท้อนว่าพอเป็นประเด็นความขัดแย้งที่มีกับจีนแล้ว คนไต้หวันเองก็พร้อมลุยเต็มที่
ล่าสุดจีนยังไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่งระงับการนำเข้าสับปะรดไต้หวัน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า นอกจากจะเป็นการโจมตีทางเศรษฐกิจของไต้หวันแล้ว นี่คือคำสั่งที่จีนต้องการลดกระแสนิยมของประชาชนที่มีต่อพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของนางไช่ อิงเหวิน ซึ่งเป็นพรรคขั้วตรงข้ามกับรัฐบาลจีน
จีนอ้างว่าไต้หวันคือส่วนหนึ่งของจีน โดยจีนต้องการให้พรรคฝ่านค้านของไต้หวันในปัจจุบัน อย่าง พรรคก๊กมินตั๋ง ขึ้นมามีอำนาจ เพราะพรรคก๊กมินตั๋งในปัจุบันเป็นพันธมิตรกับจีนแผ่นดินใหญ่
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนความพยายามของจีนที่ยังคงไม่ยอมรับอธิปไตยไต้หวัน และมองว่าไต้หวันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของจีน
ก่อนหน้าที่จะออกคำสั่งแบนสับปะรด เมื่อต้นปีจีนก็ส่งกองกำลังทหารไปฝึกซ้อมที่น่านน้ำใกล้กับเขตแดนของไต้หวัน
ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา พลเรือเอกจอห์น อาควิลิโน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯ ในอินโด-แปซิฟิกเตือนว่า ภัยคุกคามของจีนในการรุกรานไต้หวันนั้นร้ายแรงและใกล้เข้ามากว่าที่หลายคนคิด
ความกังวลดังกล่าวมาจากท่าทีของจีนที่แสดงออกถึงความแข็งกร้าวและความเป็นชาตินิยม ตั้งแต่การขยายพื้นที่ซ้อมรบในทะเลจีนใต้ การกระชับอำนาจของฮ่องกง ด้วยการปรับปรุงระบบการเลือกตั้งอนุญาตเฉพาะคนที่รักชาติ ไปจนถึงประเด็นค่ายกักกันอุยกูร์
สอดคล้องกับความคิดเห็นของพลโท เฮช อาร์ แมคมาสเตอร์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงในรัฐบาลทรัมป์ ที่ก่อนหน้านี้ออกมาเตือนว่า นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป ความมั่นคงของไต้หวันกำลังตกอยู่ในอันตราย
โดยระบุว่า จีนกำลังพยายามรวมไต้หวัน ซึ่งในปีหน้าจะมีการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ในรอบ 5 ปี ดังนั้นไต้หวันจึงเป็นวาระใหญ่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ประกอบกับก่อนหน้านี้จีนเองเคยออกมาเตือนสหรัฐฯ ซึ่งในตอนนั้นไบเดนเพิ่งจะได้ดำรงตำแหน่งว่า อย่าล้ำเส้นต่อประเด็นไต้หวัน
ปัญหาสับปะรดที่กำลังเกิดขึ้นนี้จึงเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่พญามังกรอาจจะทำในอนาคต