เหตุการณ์กองทัพเมียนมา และ กองกำลังกะเหรี่ยง KNU โจมตีฐานทหารเมียนมา และฝ่ายกองทัพเมียนมาส่ง ฮ.ติดอาวุธ และเครื่องบินรบมาถล่มฐานที่มั่น KNU เปิดศึกถล่มกันจนส่งผลให้ประชาชน ลูกเด็กเล็กแดง คนชรา ต้องหอบข้าวของหนีตาย กว่า 3,000 คน ทั้งหลบซ่อนตัวในป่า บ้างก็ข้ามแม่น้ำสาละวินมาฝั่งไทยเมื่อวันที่ 27 มี.ค.2564
เผยคลิปม็อบเมียนมาฝ่าดงกระสุนช่วยเพื่อน
นานาชาติประณามกองทัพสังหารผู้ประท้วงอย่างเลือดเย็น
โดยกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) กองพันที่ 4 สังกัดกองพลน้อยที่ 5 เข้าตีฐานเซหมื่อท่า (ทหารเมียนมา) กองพันทหาราบที่ 75 สังกัดกองพลทหารราบเบาที่ 66 ริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน เขต จ.ผาปูน รัฐกะเหรี่ยง ตรงข้าม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
ทหารกะเหรี่ยงยึดอาวุธ และอุปกรณ์สื่อสารของทหารพม่าได้เป็นจำนวนมาก โดยมี พล.ท.บอจ่อแฮ รอง ผบ.กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ได้เข้าไปตรวจสนามรบด้วยตัวเอง
เรามาทำความรู้จัก KNLA กองพลน้อยที่ 5 ที่กำลังตกเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก
ปัจจุบัน สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก KNLA กองพลน้อยที่ 7 จ.ผาอัน มี พล.อ.มูตูเซพอ ตู เซพอ ในฐานะประธาน KNU เป็นผู้นำ ซึ่งเป็นฝ่ายริเริ่มเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลเต็งเส่ง
KNLA กองพลน้อยที่ 7 ตัดสินใจเจรจาสันติภาพ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในรัฐกะเหรี่ยงจะต้องร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมา รวมทั้งปฏิรูปทางเศรษฐกิจในพื้นที่
กลุ่มที่สอง KNLA กองพลน้อยที่ 5 จ.ผาปูน หรือ จ.มูตรอ นำโดยนอว์ซิปโปรา เส่ง รองประธานสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ในกลุ่มนี้ยังมีนายทหารกะเหรี่ยง ที่มีบทบาทสูงคือ พล.ท.บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการ KNLA ซึ่งเคยเป็น ผบ. KNLA กองพลน้อยที่ 5
ที่ผ่านมา กลุ่มกองพลน้อยที่ 5 ไม่ไว้ใจในการร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมา และเรียกร้องให้เมียนมาเปลี่ยนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และพวกเขายังร่วมกับกลุ่มชาวกะเหรี่ยงที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างประเทศ
KNLA กองพลน้อยที่ 5 ได้ทำกิจกรรมด้านปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ร่วมกับองค์กรพัฒนาเอกชนจากต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ กองพลน้อยที่ 5 ได้ร่วมลงนามหยุดยิง ช่วงที่พรรคเอ็นแอลดีเป็นรัฐบาลในปี 2559 เพราะประเมินว่า อองซาน ซูจี จะผลักดันให้แผนสันติภาพมีความคืบหน้า
ขณะที่ พรรคเอ็นแอลดี พยายามแสวงหาความร่วมกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ เพื่อยุติระบอบการปกครองโดยกองทัพเมียนมา ปรากฏว่า สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ให้การตอบรับข้อเสนอจากพรรคเอ็นแอลดี แต่ยังไม่มีรูปธรรมชัดเจน
แต่ปรากฏว่า หลังจากมีการรัฐประหารโดยกองทัพเมียนมาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.พ. พล.ต.จอ มื่อ เป็น ผบ.กองพลน้อยที่ 5 KNLA กองพลน้อยที่ 5 ออกแถลงการณ์ ไม่ยอมรับสภาบริหารภาครัฐ พร้อมกับสนับสนุนการลุกขึ้นสู้ของประชาชนพม่า
โดยความฝันของฝ่ายต่อต้านเผด็จการทหารเมียนมา คือ การกำเนิด “กองทัพสหพันธรัฐ” โดยการรวมตัวของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ 20 กว่ากลุ่ม เพื่อต่อกรกับทหารเมียนมา และดูเหมือนว่าในครั้งนี้ KNLA กองพลน้อยที่ 5 น่าจะเป็นแกนหลักของฝ่ายชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเข้าโจมตีกับกองทัพเมียนมาในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง(KNU) แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 จังหวัด และมีกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) ดูแลพื้นที่ ประกอบด้วย
KNLA กองพลน้อยที่ 1 จ.ดูตะทู หรือพม่าเรียกว่า จ.สะเทิม กินพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงบางส่วน และซ้อนกับตอนบนของรัฐมอญ
KNLA กองพลน้อยที่ 2 จ.ตออู หรือพม่าเรียกว่า จ.ตองอู กินพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงตอนบน และภาคพะโคด้านตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วน
KNLA กองพลน้อยที่ 3 จ.เกลอะ-ลวีทู หรือพม่าเรียกว่า เญาง์เลบิน กินพื้นที่ภาคพะโคด้านตะวันออกบางส่วน
KNLA กองพลน้อยที่ 4 จ.มะริด-ทวาย กินพื้นที่ภาคตะนาวศรี
KNLA กองพลน้อยที่ 5 จ.มูตรอ หรือพม่าเรียกว่า จ.ผาปูน กินพื้นที่ตอนบนของรัฐกะเหรี่ยง (แกนนำหลักของฝ่ายชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเข้าโจมตีกับกองทัพเมียนมาล่าสุด)
KNLA กองพลน้อยที่ 6 จ.ดูปลายา กินพื้นที่ จ.กอกะเร็ก ทางตอนใต้ของรัฐกะเหรี่ยง และตอนใต้ของรัฐมอญ
KNLA กองพลน้อยที่ 7 จ.ผาอัน และ จ.กอกะเร็ก โดยกินพื้นที่ตอนกลางของรัฐกะเหรี่ยง
ชาวเมียนมายังเดินหน้าประท้วงแม้ถูกปราบหนักสุดสัปดาห์
เรียบเรียงจาก เพจ เป็นเรื่อง เป็นลาว