นานาชาติร่วมมือกดดัน กองทัพเมียนมา
พายุ รัฐประหาร บทบาทอาเซียนต่อวิกฤตการณ์ในเมียนมา
การประชุมระหว่างหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ถึงวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ในเมืองหนานผิง มณฑลฝูเจี้ยนเป็นการประชุมเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาประชาคมอาเซียน และวิกฤตในเมียนมาถูกหยิบยกมาพูดคุย รายงานระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศจีนบอกที่ประชุมว่า จีนพร้อมสนับสนุนทุกฝ่ายการเมืองเพื่อหาทางออกอย่างสันติ โดยจีนพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง
ประเด็นสำคัญที่สุดที่จีนเน้นย้ำคือ ไม่ต้องการให้คนนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงสิ่งที่เกิดขึ้นหรือการเมืองในเมียนมา โดยหลังการประชุม โฆษกรัฐบาลจีนออกมาแถลงว่า จีนกังวลต่อเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น
นับเป็นท่าทีที่จีนดำเนินมาตลอด ตั้งแต่เกิดรัฐประหาร คือแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ประณาม แต่ก็ไม่สนับสนุนกองทัพเต็มที่ ในฐานะชาติมหาอำนาจที่มีอิทธิพลในเมียนมา จีนทำได้มากกว่านี้ แต่เหตุใดท่าทีของจีนจึงยังคงออกมาในรูปแบบครึ่งๆ กลางๆ กึ่งประณาม กึ่งยืนข้างทหาร สาเหตุมาจากผลประโยชน์ในเมียนมา โดยสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้มาจากการที่จีนต้องรักษาสมดุลให้ดีระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์และกองทัพเมียนมา เนื่องจากผลประโยชน์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนเพิ่งจะส่งทหารไปยังชายแดนเมียนมา เพื่อคุ้มครองท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบของจีน เนื่องจากอาจถูกเป็นเป้าโจมตี หลังจากก่อนหน้านี้มีโรงงานสัญชาติจีนถูกลอบวางเพลิงมาแล้ว
ท่อส่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่จีนกำลังพยายามปกป้องมีความยาวเกือบ 800 กิโลเมตร
เริ่มต้นจากอ่าวเบงกอลในรัฐยะไข่ ลากยาวผ่านเมืองมะเกว ผ่านมัณฑะเลย์ มาจนถึงชายแดนรัฐฉานที่ติดกับมณฑลยูนนานในจีน โครงการนี้จีนลงทุนไปมากถึง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 45,000 ล้านบาท เพื่อขนเอาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเข้าประเทศ
เริ่มเปิดใช้งานในปี 2017 ในสมัยที่รัฐบาลเมียนมานำโดยนางอองซาน ซูจี ด้วยท่อนี้จีนสามารถขนส่งน้ำมันดิบได้มากถึง 22 ล้านตันต่อปี ส่วนก๊าซธรรมชาติขนได้มากถึง 12,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โครงการดังกล่าวถือเป็นความร่วมมือ และเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างจีนเมียนมา ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่จีนเกรงว่าจะถูกโจมตี
ตอนนี้กระแสต่อต้านจีนกำลังมากขึ้นในวันนี้ที่นครย่างกุ้ง ชาวเมียนมาจำนวนหนึ่งนัดหมายกันเผาธงชาติจีนกลางท้องถนน พร้อมชูป้ายประณามจีน ที่สนับสนุนกองทัพ
กระแสต่อต้านที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นี้ นักวิเคราะห์บางคนมองว่า อาจเป็นการเดินเกมที่ผิด เพราะหากผู้ประท้วงได้รับชัยชนะจริง สุดท้ายแล้วจีนอาจไม่มีที่เหลือในการทำธุรกิจอีกต่อไป เมื่อถูกพิจารณาว่าเข้าข้างกองทัพเมียนมา