หญิงไทยในนิวยอร์ก ถูกทำร้าย-แมวตาย
หนุ่มอเมริกันกระทืบหญิงฟิลิปปินส์วัย 65 ปี ลั่น “นี่ไม่ใช่ที่ของแก”
เป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับกรณีประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่มีแฮชแท็ก #JusticeForPonzu เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหตุทำร้ายครอบครัวหญิงไทยรายหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนิวมีเดีย พีพีทีวี ได้รวบรวมเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไว้ที่นี่แล้ว
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ในวันอาทิตย์ที่ 4 เม.ย. ซึ่งตรงกับวันอีสเตอร์ “เชฟรุ้ง” สุชานันท์ อักษรานันท์ เจ้าของร้านอาหาร Baoburg พาครอบครัวออกไปเดินเล่น เหตุเกิดขึ้นที่สวนสาธารณะแม็กคาร์เรน ย่านบรูกลิน กรุงนิวยอร์ก
ครอบครัวของคุณรุ้งประกอบด้วย ตัวคุณรุ้งเอง แฟนชาวต่างชาติซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ สุนัข 1 ตัวชื่อโทฟู (เต้าหู้) แมว 2 ตัว ตัวแรกคือพอนสึ อีกตัวเป็นแมวสีส้มชื่อกิมจิ และนกแก้วชื่อแมงโก
“วันนั้นอากาศดีมาก ก็เลยตัดสินใจพาครอบครัวออกไปเดิน เป็นเรื่องปกติที่พาน้องสุนัข น้องแมว น้องนกแก้ว ออกไปเดินกับครอบครัวทุก ๆ เช้าเย็น ซึ่งตั้งแต่ที่รุ้งย้ายมาอยู่ที่ย่านนี้ อยู่มาเกือบสิบปีไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น” คุณรุ้งให้สัมภาษณ์กับ Siam Town US
ในวันเกิดเหตุ พอนสึออกมาเดินนอกรถเข็นโดยมีสายจูง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะพอนสึเป็นแมวที่เชื่อง ขณะนั้นแฟนของรุ้งเดินนำหน้าไปพร้อมกับสุนัขและมีนกแก้วอยู่บนไหล่ ตัวคุณรุ้งเดินตามหลังไปกับรถเข็น
หลังจากนั้นขณะที่เรากำลังเดินทางกลับบ้าน เดินผ่านสนามเด็กเล่น ซึ่งอยู่หน้าตึกที่เป็นที่พัก หรือก็คืออีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงบ้านแล้ว จู่ ๆ เด็กชายคนหนึ่งอายุราว 10-12 ปีวิ่งเข้ามาเร็วมากเหมือนคนวิ่งไล่หรือหนีอะไรมา
“เขาวิ่งเข้ามาแล้วก็ดึงสายจูง รุ้งก็ไม่ทันตั้งตัว แมวของรุ้งก็ตกใจ แรงกระชากมันแรงมาก แมวของรุ้งลอยขึ้นไปตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง ตอนนั้นคือสายจูงหลุดออกจากมือรุ้ง” คุณรุ้งบอก
เธอเล่าต่อว่า หลังจากนั้นคิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว แต่ปรากฏว่าเด็กคนนั้นวิ่งต่อไป แล้วลากสายจูงไปด้วยอีกประมาณ 4-5 ก้าว ทำให้แมวของคุณรุ้งที่พยายามทรงตัวอยู่กับพื้นเล็บหลุด ซึ่งเป็นเรื่องร้ายแรงมาก เพราะพอนสึเป็นโรคหัวใจ
เธอบอกว่า “ตอนนั้นช็อกมาก และรู้อยู่แล้วว่า แมวของรุ้งเป็นโรคหัวใจ รู้เลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้แมวรุ้งเสียชีวิตแน่นอน เพราะปกติแมวจะมีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ แล้วก็โรคหัวใจอยู่แล้ว ... หลังจากนั้นรุ้งไม่สนใจอะไรเลย รีบวิ่งเข้าไปหาแมว หลังจากเล็บหลุดแมวรุ้งก็พยายามกระชากตัวเองออกมาจากสายจูงจนเขาหลุดออกมา รุ้งรู้ว่าพอเขาหลุดมาได้เขาต้องวิ่งหนีแน่นอน รุ้งเลยตะครุบตัวเขาไว้เอามากอดที่อก แล้วก็พยายามบอกให้เขาใจเย็น ๆ แต่ด้วยความที่แมวเขาช็อก เขาก็ชักเกร็ง ข่วนรุ้งจนเป็นแผล แต่ตอนนั้นคือรุ้งช็อก ไม่รู้สึกอะไรแล้ว จะเจ็บอะไรไม่แคร์แล้ว รุ้งเอาลูกรุ้งไว้ก่อน”
เมื่อดึงสติกลับมาได้ คุณรุ้งก็มองหาเด็กคนนั้น เด็กคนนั้นยืนห่างจากคุณรุ้งสิบกว่าก้าว เขาไม่พูดอะไร และไม่ได้ขอโทษ คุณรุ้งจึงตะโกนถามไปว่า “What did you just do? (เธอทำอะไรลงไป)”
จากนั้นเด็กชายก็วิ่งไปหาแม่และครอบครัวซึ่งมีทั้งหมด 8 คน (รวมเด็กชาย) เดินตามหลังมาไม่ไกล แม่ของเด็กชายก็ตะโกนด่าคุณรุ้งว่า “This is what you got when you walk your *** cat ***! (นี่คือสิ่งที่เธอต้องเจอเวลาเอาแมวออกมาเดิน) และบอกอีกว่า “เธออย่ามาด่าลูกฉันนะ เพราะว่าเธอนั่นแหละเอาแมวของเธอมาเดิน ใครกันเขาเอาแมวออกมาเดินมันไม่มีหรอก)”
คุณรุ้งบอกว่า จากที่ตำรวจบอก ครอบครัวนี้น่าจะเป็นชาวเปอร์โตริโก ซึ่งจนบัดนี้เธอยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดความรุนแรงนี้ ขณะที่ชาวเน็ตส่วนมากเชื่อว่าเกิดจากความเกลียดชังทางเชื้อชาติ
จากนั้นมีชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นพยายามยั่วยุให้แฟนของคุณรุ้งโมโห เพื่อจะได้เป็นคนเริ่มลงมือก่อน “แต่เรารู้กฎหมายอยู่แล้วว่า ใครแตะก่อนคนนั้นผิด เราไม่ทำอยู่แล้ว อีกอย่างพวกของเขาเยอะกว่ารุ้งมาก เราไม่กล้าไปทำพวกเขาอยู่แล้ว”
คุณรุ้งเล่าต่อว่า “พอนสึชักตายอยู่ในอ้อมกอดรุ้งเลย รุ้งใจสลายแล้ว” แล้วคุณรุ้งก็นำพอนสึไปไว้ในรถเข็นก่อน
จากนั้นผู้ชายในกลุ่มคนดังกล่าวที่พยายามยั่วยุให้เกิดการปะทะ ก็เดินมาชกนกแก้วที่อยู่บนบ่าแฟนรุ้ง จนทำให้นกบินไปตกอยู่กลางถนน รุ้งก็รีบวิ่งไปคว้านกแก้วไว้ แล้วที่ได้ยินตามมาคือคนทั้งหมดเขาหัวเราะรุ้ง เหมือนล้อว่าวิ่งจับกบ”
คุณรุ้งต่อว่าครอบครัวคู่กรณีว่า ทำไมต้องทำพวกเธอด้วย แต่เขาทำท่าขู่จะเตะสุนัขของคุณรุ้ง แล้วดึงหางสุนัขรุ้งขึ้นจนตัวลอย หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็มีปากเสียงทะเลาะกันหนักขึ้น แต่แฟนรุ้งก็พยายามที่จะทำให้ทุกคนสงบด้วยความใจเย็น
ขณะนั้นตอนที่คุณรุ้งกำลังมีปากเสียงกัน จู่ ๆ ลูกสาวของครอบครัวคู่กรณีที่ใส่ชุดสีเหลืองก็เข้ามาตบหน้าคุณรุ้ง คุณรุ้งจึงสวนไปทีหนึ่ง แล้วผู้หญิง 3 คนก็กระโดดมารุมรุ้ง ทั้งกระทืบ เตะท้อง จิกหัว บีบคอ และพยายามจกลูกตา คุณรุ้งบอกว่า “มันเกิดขึ้นเร็วมาก”
คุณรุ้งบอกว่า เขามา 8 คนก็จริง แต่คนที่เข้ามาจู่โจมมีผู้หญิง 3 คนที่รุมคุณรุ้ง ผู้ชาย 1 คนที่ทำร้ายสัตว์เลี้ยงและแฟน รวมมี 4 คนที่ทำร้าย
ตอนที่ตะลุมบอนอยู่แฟนคุณรุ้งกำลังพยายามช่วยคุณรุ้งอยู่ จึงไม่ได้ตั้งตัว ถูกผู้ชายคนนั้นชกจนแว่นตาแตก จมูกหัก
“มันเป็นสวนสาธารณะแล้วก็สนามเด็กเล่น ใครจะคิดว่าเรื่องอย่างนั้นจะเกิดขึ้น มีผู้ชายผิวสี 2 คนใจดีมาก เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แล้วรีบเข้ามาช่วย เข้ามาแยก ผู้ชายผิวสีก็จะโกนขึ้นมาว่า มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องมารุม 2 คนนี้ (คุณรุ้งกับแฟน) ทำไมต้องทำร้ายพวกเขาด้วย พวกนี้เขาก็ปัดความผิดมาให้รุ้ง บอกว่าแมวรุ้งทำร้ายลูกเขาก่อน ซึ่งทุกคนที่เห็นเหตุการณ์และอยู่ตรงนั้นรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง” เธอบอก
พอนสึเป็นแมวที่ค่อนข้างโด่งดังในโลกออนไลน์ โดยมีเพจชื่อว่า “Ponzucoolcat” ที่มีผู้ติดตามหลายหมื่นคนทั้งในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม
หลังพอนสึเสียชีวิต คุณรุ้งโพสต์ผ่านเพจ Ponzucoolcat ว่า “ถึงเพื่อน ๆ ทุกคน เป็นความเศร้าและความปวดร้าวยิ่งที่เราจะนำบอกข่าวที่น่าเศร้านี้ให้พวกคุณทราบ
พอนสึที่รักของเราเสียชีวิตในวันอาทิตย์อีสเตอร์ที่ผ่านมา หลังจากได้รับความทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์ช็อกและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในสวนสาธารณะ
เราบอบช้ำ สูญเสีย หมดคำพูด ใจสลาย ครอบครัวของเราถูกทำร้ายร่างกายในวันนั้น มีการสอบสวนของตำรวจที่รอดำเนินการเพื่อตามตัวและตั้งข้อหาผู้กระทำผิดที่ไม่แสดงความเห็นอกเห็นใจสัตว์หรือมนุษย์เลย
เรารู้สึกเหมือนถูกปล้นชิง พอนสึถูกพรากไปจากพวกเราเร็วเกินไป เขาอายุเพียง 3 ปี 4 เดือนเท่านั้น เราสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก แมงโก โทฟู และกิมจิ ต้องสูญเสียพี่น้องไป
พอนสึเป็นคนพิเศษ เราตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น เขาเป็นคนอ่อนโยน เอาใจใส่ ขี้เล่น และหล่อเหลา เขาอยากรู้อยากเห็นและชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง เขาสามารถเดินทางได้ และเขาได้นำความสุขและรอยยิ้มมาสู่ผู้คนนับล้านทั่วโลก
ใช่ หัวใจของเขาเปราะบาง และเราพยายามจะทำให้เขามีสุขภาพและกำลังใจที่ดีผ่านการดูแลทางการแพทย์ ความรัก และการเยียวยารักษาทุกวัน เขาทำได้ดีมาก และมีความสุขมากที่ได้ร่วมเดินทางไปยังซานฟรานซิสโกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยกัน เราไม่ได้เตรียมพร้อมเลยว่าเขาจะจากโลกนี้ไป
เราจะรักจดจำและทะนุถนอมเขาตลอดไป
ขอให้หลับใหลอย่างสงบนะ เด็กน้อยที่งดงามของเรา
จาก มามี้ แด๊ดดี้ แมงโก โทฟู และกิมจิ”
ขณะที่หลังเกิดเหตุราว 2 สัปดาห์ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ChaRee Pim ได้โพสต์อัปเดตสถานการณ์ว่า
“ตำรวจรับเรื่องไป 2 อาทิตย์เปลี่ยนนักสืบไปทั้งหมด 3 คน เพราะไม่มีใครอยากรับเคส นักสืบคนล่าสุดไม่ฟังความรุ้งเลยแถมพูดจาหมื่นประมาท ดูถูก เหยียดหยามและป้ายความผิดทุกอย่างมาที่รุ้ง ทำให้รุ้งรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมและถูกคนในเครื่องแบบรังแก นี้คือสิ่งที่ตำรวจ (นักสืบ) พูด
1) ที่เธอโดนทำร้าย ก็เพราะว่าเธอไปตีเด็กคนนั้นก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเค้าคงไม่มารุมกระทืบเธอหรอก!
2) เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะเธอเอง ทำไมเธอไม่เดินกลับบ้านไปซะ เรื่องจะได้จบ ไม่ต้องปานปลายจนทำให้แฟนของเธอถูกทำร้ายแล้วแมวเธอต้องมาตายก็เพราะเธอเอาชีวิตพวกมันออกมาเสี่ยงเอง อีกอย่างใครที่ไหนเค้าเดินแมวกัน?
3) เธอหยุดใช้คำว่า” ลูกของชั้นโดนทำร้าย” ได้แล้ว เธออย่าเอาตัวของเธอมาเปรียบเทียบกับคนที่เป็นแม่ที่ให้กำเนิดลูกออกมาไม่ได้ แมวเธอมันก็แค่สัตว์เลี้ยงทั่วๆไป จะเอาชีวิตมันมาเทียบกันไม่ได้หรอกนะ!
4) ถ้าเธอจะมาแสวงหาความยุติธรรมจากพวกชั้น เธอคงมาผิดที่แล้วหล่ะ เพราะถ้าพวกชั้นให้ความยุติธรรมกับพวกเธอได้ง่ายขนาดนั้น เรื่องของ George Floyd ก็คงไม่ยืดเยื่อมานานขนาดนี้หรอก
5) (*ตอนที่รุ้งปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าไปทำร้ายเด็ก) ทำไมเธอถึงดื้อรั้นขนาดนี้นะ หัดรู้จักทำความเข้าใจอะไรให้มันง่ายๆหน่อยสิ ชั้นบอกว่าเธอผิดก็คือเธอผิดสิ เข้าใจมั้ย?! แล้วชั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปถามพยานอะไรของเธออีกแล้ว เพราะว่าชั้นเชื่อในสิ่งที่ชั้นเห็นในวีดีโอทั้งหมด
6) เธออยากได้ความยุติธรรมแล้วให้ชั้นเชื่อว่าเธอไม่ได้เริ่มเรื่องใช่มั้ย ได้! ถ้างั้นเธอก็ไปหาหลักฐานมาเพิ่มเองนะ (*เค้าเป็นนักสืบแต่ให้เราเป็นคนหาหลักฐาน)
7) อีกอย่างถ้าเธออยากจะให้ชั้นจับพวกนี้เข้าคุก เรื่องอาจจะกลับตาลปัดเป็นเธอเองที่ต้องเข้าไปนอนในคุก ข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กก็ได้นะ ถ้าพวกนั้นจะเอาเรื่องเธอคืน (อันนี้รุ้งถูกปรักปรำและขู่ให้กลัวจะได้ยินยอมความ)”
ด้าน แคธลีน อี. ฟาเฮย์ หน่วยสืบสวนที่ 94 ผู้รับผิดชอบคดียืนยันว่า คดีนี้กำลัง “อยู่ระหว่างการสอบสวน” และเสริมว่า “ใครก็ตามที่อาจพบเห็นเหตุการณ์นี้หรือมีพยานหลักฐาน ขอให้โทรหาหน่วยสืบสวนที่ 94” หรืออีเมล justiceforponzu@gmail.com.
ทั่วโลกยังได้ร่วมสร้างแฮชแท็ก #JusticeForPonzu ขึ้นมา เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดที่น่าพอใจออกมา จนสังคมมองว่าเกิดจากตำรวจสหรัฐฯ ไม่ใส่ใจคุณภาพชีวิตของชนชาติอื่นที่ไม่ใช่อเมริกัน โดยเฉพาะชาวเอเชีย จนเกิดกระแส #StopAsianHate ขึ้นมาอีกกระแสหนึ่ง
เรียบเรียงจาก ChaRee Pim / Newsweek / Ponzucoolcat / Siam Town US
ภาพจาก ChaRee Pim / Ponzucoolcat