ยอดติดเชื้อในอินเดีย ทะลุ 18 ล้านคน โรงพยาบาลเต็ม สุสานล้น
คาดวิกฤตออกซิเจนอินเดียคลี่คลายภายในกลางเดือน พ.ค.
เปิดใจพยาบาลอินเดีย “เราจะช่วยผู้ป่วยทุกชีวิต ตราบที่เขายังมีลมหายใจ”
เมื่อวันศุกร์ (30 เม.ย.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ประกาศกำหนดข้อจำกัดการเดินทางจากอินเดียฉบับใหม่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยห้ามไม่ให้พลเมืองที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เดินทางจากอินเดียเข้าสหรัฐฯ
ข้อจำกัดใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันอังคารที่ 4 พ.ค. เวลา 00:01 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยเป็นไปตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) และถูกบังคับใช้เนื่องจาก “ขนาดและขอบเขตของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในอินเดียกำลังพุ่งสูง”
ไบเดนได้ลงนามในการประกาศใช้ข้อจำกัดดังกล่าว ซึ่งระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 ในอินเดียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลก ... จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเชิงรุกเพื่อปกป้องสุขภาพประชาชนในประเทศจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากอินเดียเข้ามาในสหรัฐฯ”
ขณะที่มาตรการของออสเตรเลียนั้นค่อนข้างรุนแรงกว่ามาก โดยรัฐบาลของ สก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้กำหนดบทลงโทษทางกฎหมายสำหรับทุกคนที่พยายามกลับบ้านจากอินเดีย
เกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลกลางออสเตรเลียประกาศเพิ่มความเข้มแข็งของการควบคุมชายแดนออสเตรเลีย โดยกล่าวว่า ใครก็ตามที่พยายามฝ่าฝืนกฎห้ามเดินทางกลับจากอินเดียจะได้รับโทษปรับสูงถึง 66,600 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 1.58 ล้านบาท) หรือจำคุก 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับปรับ
มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ (3 พ.ค.) และจะมีการทบทวนมาตรการอีกครั้งในวันที่ 15 พ.ค.
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนักคริกเก็ตชาวออสเตรเลีย 2 คนที่อยู่ในอินเดียเดินทางกลับออสเตรเลียเมื่อวันพฤหัสบดี (29 เม.ย.) โดยการต่อเครื่องจากกาตาร์ หลังในช่วงต้นสัปดาห์รัฐบาลสั่งห้ามเที่ยวบินตรงทั้งหมดจากอินเดีย
นอกจากสหรัฐฯ และออสเตรเลียแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีหลายประเทศได้กำหนดข้อจำกัดการเดินทางที่คล้ายคลึงกัน โดยห้ามไม่ให้มีการเดินทางมาจากอินเดีย ได้แก่ สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี และสิงคโปร์ ในขณะที่แคนาดา ฮ่องกง และนิวซีแลนด์ ได้ระงับการเดินทางเชิงพาณิชย์ทั้งหมดกับอินเดีย
ปัจจุบัน อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมกว่า 18.7 ล้านราย เพิ่มขึ้นมากกว่า 300,000 รายต่อวันต่อเนื่องเป็นวันที่ 9 ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ราว 208,000 ราย
เรียบเรียงจาก Reuters / The Guardian
ภาพจาก AFP