บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า เขากังวลเกี่ยวกับการแพร่กระจายของโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย เนื่องจากมีผู้ป่วยในอังกฤษจากเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าใน 1 สัปดาห์
รายงานของสาธารณสุขอังกฤษ (PHE) ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียเพิ่มขึ้นจาก 520 รายเป็น 1,313 รายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์
ข้อมูลจากฐานข้อมูลพันธุกรรมโควิด-19 สหราชอาณาจักรเปิดเผยว่า จากการจัดลำดับจีโนมของไวรัสโคโรนาทั้งหมดในช่วง 28 วันที่ผ่านมา มากกว่า 8% มีความเกี่ยวข้องกับสายพันธุ์อินเดีย
WHO ประกาศโควิดกลายพันธุ์อินเดีย น่ากังวลระดับโลก
อินเดียเคราะห์ซ้ำ ผู้ป่วยโควิด-19 หลายร้อยราย "ติดเชื้อรากินสมอง"
"โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย" กำลังกลายเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพระดับโลก
จากเอกสารเพิ่มเติม PHE ณ วันที่ 12 พ.ค. พบว่า 31.9% ของผู้ที่ติดโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย B.1.617.2 พบอยู่ในกรุงลอนดอน
ขณะเดียวกันหลายพื้นที่ในอังกฤษ เช่น แบล็กเบิร์น โบลตัน เซาธ์นอร์แธมป์เชียร์ เบดฟอร์ด โคลเชสเตอร์ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากกว่าครึ่งเป็นสายพันธุ์อินเดีย
ข้อมูลในรายงานยังชี้ให้เห็นความกังวลว่า โควิด-19 สายพันธุ์อินเดียอาจเติบโตแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 ซึ่งปัจจุบันนับเป็นสัดส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักร
“เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ B.1.1.7 อัตราการแพร่กระจายของ B.1.617.2 แสดงอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น” เอกสารระบุ
การแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นของโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียในอังกฤษ ทำให้หลายฝ่ายกดดันนายกฯ จอห์นสันให้เร่งมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมถึงให้มีการพิจารณาอีกครั้ง หลังเดิมอังกฤษมีแผนคลายล็อกดาวน์ในคนต่างครัวเรือนรวมกลุ่มกันในบ้านได้
คืนวันพฤหัสบดี (13 พ.ค.) แหล่งข่าวหลายแหล่งบอกว่า รัฐบาลพร้อมที่จะอนุมัติโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชากรอายุ 16 ปีขึ้นไป ในหอผู้ป่วยในโบลตันและแบล็กเบิร์น
ขณะที่กรมอนามัยและการดูแลสังคมกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีกำลังพิจารณาที่จะเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 โดสที่สองมากขึ้น หลังที่ผ่านมาเน้นฉีดโดสแรกให้ครอบคลุมประชากรในประเทศก่อน
ศ.แอนดี พอลลาร์ด สมาชิกคณะกรรมการร่วมด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกัน (JCVI) บอกว่า ขอให้สังคมอยู่ในความสงบ และเตือนว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีโควิด-19 อีกหลาย ๆ สายพันธุ์ และจะแพร่กระจายได้แม้ในประชากรที่ได้รับวัคซีน คำถามสำคัญมีเพียง “การติดเชื้อจะรุนแรงหรือไม่”
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP