ช่วงบ่ายวันเสาร์ (15 พ.ค.) กองทัพอิสราเอลระดมยิงปืนใหญ่และส่งเครื่องบินรบโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซา เป็นเหตุให้อาคารสูง 12 ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานสื่อต่างชาติ อาทิ สำนักข่าวเอพีของสหรัฐฯ สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์ และสถานีโทรทัศน์ของคูเวต พังถล่ม โดยมีการแจ้งให้ผู้ที่อยู่ในตึกอพยพออกจากพื้นที่ เพียงไม่นานก่อนเปิดฉากโจมตี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้กับนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เนื่องจากมีประชาชนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากปฏิบัติการของอิสราเอล
“ไบเดน” ต่อสายคุย ผู้นำอิสราเอล-ปาเลสไตน์ หลังสู้รบยืดเยื้อนาน 7 วัน
อิสราเอล ถล่มตึกสำนักข่าวต่างชาติชื่อดัง ในฉนวนกาซา
ตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ ซึ่งการโจมตีพลเรือนและองค์กรสื่อแบบไม่เลือกหน้าถือเป็นการละเมิดกฎหมายสากล
เบื้องต้น คณะมนตรีความมั่นคง หรือ UNSC (ยูเอ็นเอสซี) จะประชุมหารือถึงสถานการณ์ความขัดแย้งล่าสุดอีกครั้ง ในวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ
ขณะที่สถาบันสื่อมวลชนระหว่างประเทศ (International Press Institute) หรือไอพีไอ (IPI) ระบุว่า การพุ่งเป้าโจมตีองค์กรสื่อ แม้แต่ในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้ง ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เพราะสะท้อนถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน และธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ
กลุ่มฮามาส ยิงจรวดกว่า 100 ลูก ถล่มเมืองเยรูซาเลม ตอบโต้อิสราเอล
ด้านนายแกรี พรูอิตต์ (Gary Pruitt) ประธานและซีอีโอสำนักข่าวเอพี ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า รู้สึกตกใจและหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยก่อนเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ของเอพีอยู่ในตึก 12 คน ทั้งหมดได้รับโทรศัพท์แจ้งเตือนให้อพยพภายใน 1 ชั่วโมง จึงพยายามประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ของอิสราเอลให้ยุติปฏิบัติการ โดยยืนยันว่าอาคารดังกล่าวไม่ใช่ที่ซ่อนของกลุ่มฮามาส ตามที่กองทัพอิสราเอลกล่าวอ้าง แต่ไม่เป็นผล เคราะห์ดีที่เจ้าหน้าที่ยังสามารถขนย้ายข้าวของและอุปกรณ์ที่จำเป็นบางส่วนออกมาได้อย่างปลอดภัย
สำนักข่าวเอพีระบุว่า เหตุโจมตีครั้งนี้กระทบต่อการรายงานข่าว และจากนี้ไป โลกจะรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา ได้น้อยลง เบื้องต้น ทางเอพีได้ประสานกับกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และติดต่อรัฐบาลอิสราเอลเพื่อขอความกระจ่างในเรื่องนี้
อิสราเอล ส่งรถถัง-ทหาร ประชิดชายแดนฉนวนกาซา ชาวปาเลสไตน์ ดับแล้ว 103 ศพ
ส่วนสำนักข่าวอัลจาซีรา ที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน ออกแถลงการณ์ประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม และเป็นความพยายามในการปิดกั้นสื่อไม่ให้รายงานเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
หลังเกิดเหตุโจมตีดังกล่าว นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ระบุว่า กองทัพจะเดินหน้าตอบโต้กลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ที่ระดมยิงจรวดถล่มอิสราเอลต่อไป
ฝั่งนาย อิสมาอิล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh) ผู้นำกลุ่มฮามาส ระบุว่า จรวดจากฝั่งปาเลสไตน์ เป็นความพยายามในการปกป้องนครเยรูซาเลม และมัสยิดอัล-อักซอ
ปัจจุบัน มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจากความขัดแย้งระลอกล่าสุดนี้แล้วอย่างน้อย 145 คน ในจำนวนนี้ 41 คน เป็นเด็ก ขณะที่ฝั่งอิสราเอล มีความสูญเสียน้อยกว่า โดยมีคนเสียชีวิต 10 คน เป็นเด็ก 2 คน เนื่องจากมี "ระบบป้องกันภัยทางอากาศ” ที่เรียกกันว่า “โดมเหล็ก” (Iron Dome) คอยยิงสกัดจรวดของปาเลสไตน์
ขณะเดียวกัน ประชาชนในยุโรป และสหรัฐฯ ต่างพร้อมใจกันชุมนุมแสดงพลังสนับสนุนชุมชนชาวปาเลสไตน์ บรรยากาศโดยรวมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย มีเพียงไม่ประเทศ เช่น เยอรมนี กรีซ และฝรั่งเศส ที่ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตา และฉีดน้ำใส่ฝูงชน เพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย ตามมาตรการคุมโควิด-19
