ปัจจุบัน หลายประเทศต่างกำลังเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชากรของตนเอง ท่ามกลางความสามารถของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงมีการกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ เริ่มตั้งแต่สายพันธุ์อังกฤษ แอฟริกาใต้ บราซิล มาจนถึงสายพันธุ์อินเดีย ซึ่งทำให้หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า วัคซีนโควิด-19 ที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจจะ “ตกรุ่น” ไปแล้วและอาจไม่สามารถรับมือการกลายพันธุ์ได้
ฟรี! ประกันแพ้วัคซีนโควิด 11.5 ล้านสิทธิ์
กัมพูชา เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนทั่วไป ตั้งเป้า 10 ล้านคนสิ้นปีนี้
เปิดเส้นทาง “ลำเลียง” วัคซีนป้องกันโควิด-19
ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มจึงหันมามุ่งเน้นไปที่การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่มีเป้าหมายกว้างขึ้น นั่นคือ “วัคซีนป้องกันโควิด-19 ทุกสายพันธุ์รวมถึงสายพันธุ์ที่ยังไม่เกิด”
นักวิจัยจากสถาบันวัคซีนมนุษย์ดยุก (Duke Human Vaccine Institute; DHVI) ในสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขากำลังก้าวไปสู่ขั้นตอนที่สำคัญในการพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า “ซูเปอร์วัคซีน”
จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่า วัคซีนดังกล่าวเป็นชนิด “อนุภาคนาโน (Nanoparticle)” สามารถกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันได้ ไม่เฉพาะเพียงแต่ต่อไวรัสโควิด-19 ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์อื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงไวรัสซาร์ส และไวรัสโคโรนาอื่นที่พบในค้างคาวด้วย
นักวิจัยกล่าวว่า จากการทดสอบในลิง พบว่าซูเปอร์วัคซีนนี้มีผลต่อการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ โดยวัคซีนอนุภาคนาโนปิดกั้นลิงทดลองไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งขึ้น และมีระดับของแอนติบอดีที่ต่อต้านไวรัสที่สูงกว่าที่เห็นในวัคซีนปัจจุบัน
นักวิจัยกล่าวว่า หากวัคซีนนี้ได้รับการอนุมัติสำหรับใช้ในมนุษย์ จะสามารถใช้เป็นยากระตุ้นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันและต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๆ ในอนาคตได้ล่วงหน้าเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับวัคซีนโควิด-19 ชนิดอื่น ๆ วัคซีนอนุภาคนาโนนี้ทำงานโดยนำชิ้นส่วนของเชื้อ Sars-CoV-2 ที่ใช้จับกับเซลล์ของมนุษย์มาพัฒนาเป็นวัคซีน เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน
อย่างไรก็ตาม นอกจากชิ้นส่วนจาก Sars-CoV-2 และโควิด-19 สายพันธุ์ต่าง ๆ แล้ว นักวิจัยของซูเปอร์วัคซีนตัวนี้ยังนำชิ้นส่วนจากไวรัสซาร์สและไวรัสค้างคาว ๆ ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีรายงานแพร่เข้าสู่คน ใส่ลงไปในวัคซีนด้วย เพื่อสร้างภูมิล่วงหน้า ในกรณีที่เชื้อไวรัสซึ่งไม่เคยติดจากสัตว์สู่คนเหล่านี้เกิดพัฒนาจนแพร่สู่คนได้ขึ้นมา
การใช้ที่ชิ้นส่วนจากไวรัสโคโรนาหลายชนิดทำให้วัคซีนสามารถกระตุ้นแอนติบอดีต่อต้านไวรัสหลายชนิดได้เมื่อทดสอบในเลือดของลิงที่ฉีดวัคซีน
นักวิจัยกล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบวัคซีนอนุภาคนาโนนี้กับวัคซีน mRNA ซึ่งมีความคล้ายคลึงกัน พบว่า วัคซีนตัวใหม่นี้สร้างการตอบสนองที่ดีกว่าในสายพันธุ์แอฟริกาใต้และบราซิล โดยสายพันธุ์เหล่านี้เชื่อกันว่ามีความสามารถในการหลบเลี่ยงวัคซีนโควิด-19 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
หัวหน้าทีมวิจัย เควิน แซนเดอร์ส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของสถาบัน กล่าวว่า เขาเชื่อว่า วัคซีนจะทำงานกับไวรัสโคโรนากลุ่มที่คล้ายคลึงกับซาร์สได้ดี แต่อาจไม่ได้ผลดีนักกับเมอร์ส
วัคซีนอนุภาคนาโนนี้บรรจุอนุภาคขนาดเล็กที่มีชิ้นส่วนพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งจำเป็นต่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และสามารถปรับให้เข้ากับไวรัสอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย
“เราสามารถปรับแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้โดยการเปลี่ยนชิ้นส่วนไวรัสบางอย่าง เพื่อให้สามารถโต้ตอบกับไวรัสที่มีลักษณะคล้ายเมอร์สได้ ด้วยวัคซีนนี้ เรามีโอกาสที่จะได้รับวัคซีนครอบคลุมไวรัสโคโรนาหลายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ” แซนเดอร์สกล่าว
บาร์ต เฮย์เนส ผู้อำนวยการ DHVI และหนึ่งในผู้พัฒนาวัคซีนอนุภาคนาโนกล่าวว่า “ก่อนจะมีโควิด-19 เราเคยมีการระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งใหญ่ 2 ครั้ง คือ การระบาดของโรคซาร์ส (SARS) ในปี 2003 และการระบาดของโรคเมอร์ส (MERS) ในปี 2011 และแน่นอนว่าเราคาดว่าจะมีไวรัสโคโรนาระบาดอีกในอนาคต”
เขาเสริมว่า “ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องจัดหาวัคซีนที่เตรียมไว้สำหรับโรคในอนาคตเหล่านั้น เพื่อที่เราจะสามารถควบคุมการระบาดและป้องกันไม่ให้กลายเป็นการระบาดใหญ่ในอนาคต”
แนวคิดของ DHVI คือการสร้างวัคซีนที่จะไม่เพียงแค่ต่อต้านไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดได้เท่านั้น แต่ยังสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์ที่ทั้งรู้จักและยังไม่รู้จักจำนวนมากที่แพร่กระจายอยู่ในสัตว์ เช่น ค้างคาว ที่อาจสามารถแพร่เชื้อสู่คนได้
แนวคิดของวัคซีนที่ป้องกันเชื้อได้ทุกสายพันธุ์นั้น เป็นความฝันของผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้ออุบัติใหม่มานานแล้ว และการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้วิถีชีวิตและเศรษฐกิจทั่วโลกต้องหยุดชะงักก็ทำให้แนวคิดของวัคซีนนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก
เรียบเรียงจาก SCMP