อดีตผู้นำและผู้มีบทบาททางการเมืองของโลกกว่า 230 คนทำหนังสือถึงกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ประเทศ หรือ G7 เรียกร้องให้กลุ่มประเทศ G7 รับประกันในการจัดสรรเงินเพื่อซื้อวัคซีนให้ประเทศยากจนอย่างน้อยปีละ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 930,000 ล้านบาท เป็นเวลาสองปี
ในรายชื่อการเรียกร้องมีชื่อของ กอร์ดอน บราวน์ และโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร รวมไปถึงบัน คี มูน อดีตเลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ และอดีตผู้นำชาติแอฟริกันอีก 15 คนด้วย
เช็กด่วน! รพ.ทยอยประกาศ พรุ่งนี้ 8 มิ.ย.ต้องเลื่อนฉีดวัคซีน เหตุวัคซีนจำกัด
หนังสือที่มีถึงกลุ่มประเทศ G7 ระบุว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวคือสิ่งจำเป็นในการยับยั้งการกลายพันธุ์ของโควิด-19 เพราะไวรัสกลายพันธุ์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีนที่ทั่วโลกมีอยู่ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์รุนแรงกว่าเดิม
ประเด็นที่น่าสนใจในข้อเรียกร้องนี้คือ การอธิบายว่า เงินสนับสนุนของกลุ่มประเทศร่ำรวยเพื่อซื้อวัคซีนให้กับประเทศยากจนไม่ใช่เรื่องการบริจาคหรือทำการกุศล แต่เป็นการปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของทุกประเทศทั่วโลก เพราะไม่มีประเทศไหนปลอดภัยจากไวรัส จนกว่าทุกประเทศจะปลอดภัย
กู้ภัยร้องลงชื่อฉีดวัคซีน แต่กลับไม่ได้ฉีด
กลุ่ม G7 ประกอบไปด้วย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยความมั่งคั่งของทั้ง 7 ประเทศคิดเป็นร้อยละ 62 ของความมั่งคั่งสุทธิของโลก
การยื่นหนังสือเรียกร้องของอดีตผู้นำโลกเกิดขึ้นก่อนที่การประชุมสุดยอดกลุ่มผู้นำ G7 ครั้งที่ 47 จะถูกจัดขึ้นที่มณฑลคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษในวันที่ 11-13 มิ.ย.นี้ จะเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปีที่ผู้นำประเทศ G7 จะเดินทางเข้ามร่วมการประชุมด้วยตัวเอง หลังจากการประชุมเมื่อปีที่แล้วถูกยกเลิกเพราะโควิด-19
ไม่กี่วันก่อนที่การประชุมสุดยอดกลุ่มผู้นำ G7 จะถูกจัดขึ้น บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรได้แถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก G7 ให้คำมั่นสัญญาว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชากรโลกทุกคนภายในสิ้นปี 2022 เพื่อยุติการระบาดของโควิด-19 และทำให้แน่ใจว่าหายนะที่เกิดจากโรคระบาด ไม่ว่าจะเป็น ผลกระทบด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจจะไม่เกิดขึ้นอีก
สธ.กราบขออภัยประชาชน มีบางรายชื่อหลุดคิว "หมอพร้อม"
โดยนายกฯ จอห์นสันระบุว่า การฉีดวัคซีนให้ประชาชนโลกทุกคนในอีก 18 เดือนข้างหน้าจะเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การแพทย์
การเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยช่วยเหลือประเทศยากจนในการจัดหาวัคซีนเกิดขึ้นเนื่องจากตอนนี้ประเทศร่ำรวยต่างเดินหน้าฉีดวัคซีนให้เด็กและประชาชนทั่วไปของตัวเองก่อน ในขณะที่บางประเทศยังมีวัคซีนไม่เพียงพอสำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง
ซึ่งองค์การอนามัยโลกเคยแนะนำแล้วว่า ทั่วโลกควรฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางของทุกประเทศก่อน จึงจะสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้เรามาดูว่าตอนนี้ประเทศไหนในโลกที่ฉีดวัคซีนมากที่สุด
นี่คือ 5 ประเทศที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชากรมากที่สุด โดยคิดเป็นอัตราส่วนจำนวนโดสต่อประชากร 100 คน ได้แก่
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 135 โดส
2. อิสราเอล 117 โดส
3. บาห์เรน 110 โดส
4. อารูบา 110 โดส (ประเทศเกาะเล็กๆ ในแคริบเบียน มีประชากรแค่แสนคน)
5. มอลตา 109 โดส
หมายความว่าทุกชาติใน 5 อันดับนี้ ล้วนมีวัคซีนเกินจำนวนประชากรในประเทศ
ส่วน 5 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนน้อยที่สุดเมื่อคิดเป็นอัตราส่วนจำนวนโดสต่อประชากร 100 คน ได้แก่
1. คองโก น้อยกว่า 0.1 โดส
2. เซาท์ซูดาน 0.1 โดส
3. วานูอาตู 0.1 โดส
4. เบนิน 0.1 โดส
5. ปาปัวนิวกินี 0.1 โดส