อินเดีย พบโควิดสายพันธุ์ใหม่ อาจรุนแรงมากกว่าเดิม

สถาบันวัคซีน เผย “แอสตร้าเซเนก้า” ฉีดครบ 2 โดส ต้านโควิด สายพันธุ์อินเดีย 60%

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย เจอสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) 348 ราย

ตัวเลขผู้เสียชีวิตเมื่อวานคือ 6,138 ราย  เป็นตัวเลขเสียชีวิตต่อวันที่สูงที่สุดของโลกนับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด 19 เมื่อต้นปีที่แล้ว ทำไมยอดผู้เสียชีวิตของอินเดียจึงเพิ่มจากวันก่อน ๆ 2-3 เท่า สาเหตุก็เพราะว่า หนึ่งในรัฐที่มีการระบาดหนักหรือ รัฐพิหารมีการปรับตัวเลขผู้เสียชีวิตใหม่หลังศาลสูงมีคำสั่ง จากเดิม 5,400 ราย เป็น 9,400 ราย

รัฐพิหารมีประชากรมากเป็นอันดับสามของประเทศคือ เกือบ 100 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในชนบท จึงคาดว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกบันทึกเข้าในระบบของทางการ

รัฐพิหารยังเป็นหนึ่งในรัฐที่มีรายงานพบศพจำนวนมากถูกทิ้งลงในแม่น้ำคงคาเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

อินเดียมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 29 ล้านราย เสียชีวิตแล้วกว่า 355,000 ราย แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงมากกว่านี้มาก การระบาดในระลอก 2 ของอินเดียหนักมาก จนผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ส่วนผู้เสียชีวิตต้องใช้วิธีการเผาหมู่ การระบาดในระลอกนี้เกิดจากการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล ที่มาพร้อมกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์หลายสายพันธุ์

ล่าสุดอินเดียพบไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ที่คาดว่าอาจมีความรุนแรงมากกว่าตัวเดิม รายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาเปิดเผยว่า สถาบันไวรัสวิทยาแห่งชาติ (National Institute of Virology) ที่ตั้งอยู่ในเมืองปูเน รัฐมหาราษฏระ ได้ตรวจพบโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า B.1.1.28.2 จากการถอดรหัสพันธุกรรมตัวอย่างสารคัดหลั่งของนักท่องเที่ยวหลายรายที่เดินจากสหราชอาณาจักรและบราซิลเข้ามายังอินเดีย

งานวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า ไวรัสกลายพันธุ์ตัวนี้มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการติดเชื้ออย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งของงานวิจัยมีการระบุถึงประสิทธิภาพของวัคซีนในการรับมือโดยชี้ว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ชื่อว่าโคแวกซินมีประสิทธิภาพในกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายและสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้ได้

วัคซีนโคแวกซิน คือ วัคซีนที่ผลิตโดยบริษัทภารัต ไบโอเทคของอินเดีย และยังเป็นหนึ่งในสามของวัคซีนที่อินเดียอนุมัติใช้เป็นการฉุกเฉิน

ส่วนวัคซีนอีกสองตัวที่อินเดียอนุมัติใช้ได้แก่ วัคซีนโควิชิลด์ ที่ผลิตโดยสถาบันเซรั่มแห่งอินเดีย และวัคซีนสปุตินิด วี ที่ผลิตโดยสถาบันกามาเลยาของรัสเซีย

ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อินเดียเจอการระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรงเพราะโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิด ไวรัสกลายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในอินเดียได้แก่ ไวรัสอัลฟา หรือ B.1.1.7 ที่ถูกพบแห่งแรกในสหราชอาณาจักร

อีกตัวคือไวรัส B.1.617 ที่ถูกพบครั้งแรกในรัฐมหาราษฏระของอินเดีย โดยไวรัส B.1.617 ได้กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ย่อย ได้แก่ B.1.617.1 B.1.617.2 และ B.1.617.3

สายพันธุ์ย่อยที่น่ากังวลมากที่สุดคือ ไวรัส B.1.617.2 ที่ผู้เชี่ยวชาญออกมายืนยันว่ามันสามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมราวร้อยละ 40 ก่อให้เกิดอาการติดเชื้อรุนแรง และหลบหลีกภูมิคุ้มกันของร่างกาย

โดยองค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ไวรัส B.1.617.2 ที่ถูกพบครั้งแรกในอินเดียเป็นไวรัสสายพันธุ์ที่น่ากังวลระดับโลก (Variant of Global Concern) และองค์การอนามัยโลกได้กำหนดชื่อให้ไวรัสตัวนี้เป็น ไวรัสเดลตา และตอนนี้ไวรัสเดลตาได้แพร่ระบาดไปแล้วอย่างน้อย 74 ประเทศทั่วโลก