ไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาพลัสนั้นคือสายพันธุ์ B.1.617.2 การกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง K417N ในโปรตีนหนาม โปรตีนหนามเป็นส่วนที่ช่วยให้ไวรัสเข้าสู่เซลล์ในร่างกายมนุษย์ ขณะที่การกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง K417N นั้น มีความเกี่ยวข้องกับการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน ซึ่งทำให้ไวรัสต้านทานวัคซีนหรือการรักษาด้วยยาแบบต่างๆ มากขึ้น
WHO เพิ่มชื่อโควิด-19 “สายพันธุ์แลมบ์ดา” เป็นสายพันธุ์ต้องให้ความสนใจ
ผลทดลองวัคซีน “โนวาแวกซ์” ประสิทธิภาพเกิน 90% ต้านเชื้อกลายพันธุ์ได้ดี
อย่างไรก็ตาม อนุรัก อกราวัล ผู้อำนวยการสถาบันจีโนมิกส์และชีววิทยาเชิงบูรณาการซีเอสไออาร์ของอินเดีย ระบุว่า ยังไม่มีเหตุให้ต้องกังวล
กรมวิทย์ คาดอีก 2-3 เดือน โควิดสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ระบาดแทนอัลฟา (อังกฤษ)
เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่ได้รับรายงานยังน้อย และไม่มีข้อบ่งชี้เกี่ยวกับความรุนแรงของโรค ทั้งนี้ จะต้องมีการนำพลาสมาจากผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วมาทดสอบกับเชื้อกลายพันธุ์ตัวนี้ จึงจะทราบได้ว่ามีระดับการหลบหนีภูมิคุ้มกันมากแค่ไหน
"โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย" กำลังกลายเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพระดับโลก
นักวิทยาศาสตร์ระบุด้วยว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์ “เดลตาพลัส” นี้ สามารถ ต้านทานการรักษา ด้วยยาผสมของภูมิต้านทานชนิดเดี่ยว (monoclonal antibody cocktail) ที่ได้รับอนุญาตในอินเดีย ได้แก่ คาซิริวิแมบ (Casirivimab) และอิมเดวิแมบ (imdevimab)
แต่วินีตา บัล นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันภูมิคุ้มกันแห่งชาติของอินเดีย ระบุว่า การต้านทานการรักษาไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าเชื้อสามารถก่อโรครุนแรงได้มากขึ้น
ข้อมูลพันธุกรรมของเชื้อโควิดเดลตาที่มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง K417N สามารถพบได้แล้วบนฐานข้อมูลจีโนมสากล GISAID (จิสเอด) 63 ครั้ง จาก 10 ประเทศ
การแพระกระจายของ “เดลตาพลัส” นอกเหนทืออินเดีย ขณะนี้ พบ 1 รายในแคนาดา เยอรมนี รัสเซีย เนปาล 2 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 4 ราย โปแลนด์ 9 ราย โปรตุเกส 12 ราย ญี่ปุ่น 13 ราย และ หรัฐอเมริกา 14 ราย
องค์การอนามัยโลก (WHO) เฝ้าติดตามเดลตาพลัส
นอกจากนี้ WHO ยังติดตามรายงานการตรวจพบสายพันธุ์เดลตาพลัส หลังพบเมื่อไม่นานมานี้ โดย ดร. มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายเทคนิคของ WHO กล่าวว่า สายพันธุ์เดลตาพลัส หมายถึงมีการตรวจพบการกลายพันธุ์แบบใหม่ จึงทำให้เราต้องตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง