โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เคยประกาศเป้าหมายของโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไว้ว่า ก่อนถึงวันชาติสหรัฐฯ (4 ก.ค.) ปีนี้ ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) ราว 70% ของประเทศ จะต้องได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส
สหรัฐฯ มีประชากรราว 332 ล้านคน เป็นประชากรวัยผู้ใหญ่มากกว่า 258 ล้านคน ซึ่ง 70% ของประชากรวัยผู้ใหญ่จะเท่ากับประมาณ 180.7 ล้านคน โดยปัจจุบันประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว 65.4% หรือราว 168.8 ล้านคน
ไบเดนสั่งหน่วยข่าวกรอง หาต้นตอโควิด-19 ให้เจอใน 90 วัน
“โจ ไบเดน” ตั้งเป้าฉีดวัคซีนโควิดชาวอเมริกัน 70% ก่อนถึงวันชาติ
“โจ ไบเดน” ทำตามสัญญา ฉีดวัคซีนโควิดครบ 200 ล้านโดส ใน 100 วัน
นั่นหมายความว่า สหรัฐฯ ต้องฉีดวัคซีนให้ประชากรวัยผู้ใหญ่อีก 12 ล้านคนภายใน 14 วันนี้ หรือก็คือต้องฉีดให้ได้ 857,000 คนต่อวัน แต่ข้อมูลจาก CDC ระบุว่า อัตราการฉีดวัคซีนเข็มแรกของวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ตอนนี้เฉลี่ยตกวันละ 200,000-400,000 คนต่อวันเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป กว่าประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ จะได้รับวัคซีนเข็มแรกครบ 70% ก็ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือนเลยทีเดียว
เท่ากับว่า สหรัฐฯ จะต้องพยายามรณรงค์ให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ออกมาฉีดวัคซีนกันมากขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า จึงจะพอมีหวังทำตามแผนของไบเดนสำเร็จ ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ได้มากกว่า 70%
ตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่อวันของสหรัฐฯ ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานั้นมีคนออกมาฉีดวัคซีนสูงถึง 3 ล้านคนต่อวัน และแม้หลายรัฐหรือหลายเมืองจะพากันออกโปรโมชันหรือแคมเปญลุ้นแลกแจกแถมต่าง ๆ ก็ยังไม่สามารถดึงประชากรวัยผู้ใหญ่ที่เหลือให้ออกมาฉีดวัคซีนได้มากขึ้น
ต้องติดตามต่อไปว่า ทางโจ ไบเดน และทีมบริหารจะมีแผนอย่างไรต่อไปในการเชิญชวนให้ผู้คนออกมาฉีดวัคซีนโควิด-19 กันมากขึ้น โดยเฉพาะในรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนค่อนข้างต่ำ เช่น อลาบามา ไวโอมิง หมู่เกาะเวอร์จิน ลุยเซียนา มิสซิสซิปปี ซึ่งมีประชากรวัยผู้ใหญ่ฉีดวัคซีนอย่างน้อยเข็มแรกยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
สำหรับในภาพรวม สหรัฐฯ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วทั้งประเทศ 317 ล้านโดส ได้รับเข็มแรก 177.3 ล้านคน หรือ 53.56% ของประชากร ได้รับครบสองเข็ม 150 ล้านคน หรือ 45.36% ของประชากร
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสม 33.54 ล้านราย พบรายใหม่ต่อวันราว 10,000-20,000 ราย และเสียชีวิตสะสมแล้ว 600,000 ราย
เรียบเรียงจาก CDC / New York Times
ภาพจาก AFP