โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่ปรากฎตัวพร้อมกับสวมหน้ากากอนามัย ขณะเดินทางเข้าทำเนียบขาว
ผู้นำสหรัฐฯ กลับมาใส่หน้ากากอนามัย หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC ได้ประกาศคำแนะนำล่าสุด ขอความร่วมมือให้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสให้กลับมาสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง เมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะที่เป็นสถานที่ปิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีอัตราการแพร่ระบาดของโควิด-19 สูง เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสเดลตาที่กำลังอาละวาดทั่วประเทศ
สหรัฐฯ กลับลำ แนะคนฉีดวัคซีนครบโดสสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยง
“เดลตา” ระบาด 120 ประเทศ เป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ และหลายประเทศ
เนื่องจากในบางกรณี คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วก็ยังสามารถติดเชื้อไวรัสเดลตาได้ และอาจแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นได้เช่นกัน นับเป็นการกลับลำจากคำประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เคยระบุว่าชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่กลางแจ้งและในอาคาร
นอกจากนั้น CDC ยังให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคระบาดในสถานศึกษา โดยแนะนำให้คุณครู บุคลากร นักเรียน และผู้มาเยือนในโรงเรียน ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย ไม่ว่าจะมีสถานะการฉีดวัคซีนครบแล้วหรือยัง
โดยเด็กๆ ควรกลับสู่โรงเรียนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงภายใต้กลยุทธ์การป้องกันโรคระบาดที่เหมาะสม ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ CDC สอดคล้องกับคำแนะนำของนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโควิด-19 ของทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่ระบุว่า ชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนครบแล้วควรสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะที่เป็นสถานที่ปิด เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสเดลตา
พร้อมระบุว่า ไวรัสเดลตานั้นสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าไวรัสอัลฟาจากสหราชอาณาจักร ซึ่งไวรัสอัลฟาเคยเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐฯ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย และมองว่าควรกันไว้ดีกว่าแก้ บางรายระบุว่าเป็นแนวทางที่ดี เพราะจะช่วยให้ชาวอเมริกันไม่ต้องตกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง ขณะนี้สหรัฐฯ เองก็กำลังเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนควบคู่กับการประกาศใช้มาตรการต่างๆ
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการฉีดวัคซีน ขณะนี้มีชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้วประมาณ 189 ล้านคน หรือราวร้อยละ 57.6 และมีคนที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้วประมาณ 163 ล้านคน หรือราวร้อยละ 49.8 ของประชากรกว่า 332 ล้านคน วัคซีนที่สหรัฐฯ ใช้ได้แก่ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
อย่างไรก็ตามแม้จะฉีดได้มาก แต่ยังไม่พอ เพราะขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ก็กำลังพิจารณาฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 หรือ Booster Shot ให้ประชาชนเพื่อป้องกันพวกเขาจากไวรัสเดลตา
เมื่อวานนี้ บริษัทไฟเซอร์ ผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยผลการทดลองซึ่งอยู่ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัท ที่สรุปได้ว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ในอาสาสมัครอายุ 18-55 ปี สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเดลตาได้มากกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม โดยต้องฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 2 อย่างน้อย 6 เดือน และในกลุ่มอาสาสมัครอายุ 65-85 ปี การฉีดเข็มที่ 3 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเดลตาได้มากกว่า 11 เท่า
ซึ่งผลการทดสอบของไฟเซอร์นี้ยังไม่ได้รับการพิจารณาตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญหรือที่เรียกว่า Peer Review
“อนุทิน” รับมอบ วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ
โปรแกรมถ่ายทอดสด โอลิมปิก 2020 ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2564