สำนักข่าว The Straitstime รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 76 ราย ซึ่งถือว่าเป็นยอดสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายมกราคมที่ผ่านมา
สาเหตุจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในเมืองนานกิง มณฑลเจียงซู ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของจีน
ในช่วง 10 วันที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อโควิดเดลตารวมกันอย่างน้อย 170 ราย โดยศูนย์กลางการระบาดหลักๆ อยู่ที่เมืองนานกิง
พ่อทรุดหนัก ออกซิเจน 70% หลายวัน ไม่ได้เตียง
นานกิงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เดลตาครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยปะปนอยู่กับผู้ติดเชื้อที่พบในเมืองจำนวน 17 ราย และเป็นคลัสเตอร์จากเจ้าหน้าที่สนามบิน
การพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาทำให้จีนเร่งต้องเชื้อเชิงรุกในเมืองนานกิงที่มีประชากร 9.3 ล้านคนอีกครั้ง
หน่วยงานสาธารณสุขได้ตั้งจุดตรวจเชื้อที่สนามบินและระงับเที่ยวบินในเมืองนานกิง ทั้งหมด
ทางการเจียงซูได้ประกาศใช้มาตราการล็อกดาวน์ ระงับการเดินทางขนส่งสาธารณะบางส่วน ปิดสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น โรงภาพยนตร์ ฟิสเนต หรือห้องสมุด และให้ประชาชนงดเดินทางออกจากพื้นที่ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา
แม้ว่าทางการเจียงซูจะพยายามควบคุมการแพร่ระบาดในเมืองนานกิง แต่สายพันธุ์เดลตานั้นสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
ล่าสุด จีนรายงานว่าโควิดเดลตาได้แพร่ระบาดไปยังมณฑลอื่นๆในจีนแล้ว โดยพบว่าในมณฑลอานฮุย มณฑลเหลียวหนิง มณฑลเสฉวน และมณฑลกวางตุ้ง มีผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับการระบาดในนานกิง
ส่งผลให้หน่วยงานสาธารณสุขในเจียงซูเริ่มดำเนินการตรวจเชื้อประชากรในเมืองนานกิงรอบสอง แต่ครั้งนี้ครอบคลุมถึงผู้เดินทางเข้ามาในนานกิงด้วย พร้อมมีแผนฉีดวัคซีนให้ประชาชนเพิ่มขึ้น ขณะที่เมืองอื่นๆ ในมณฑลเจียงซูก็เสริมมาตรการป้องกันโควิดเช่นกัน
เช่น เมืองซูโจวได้ตั้งจุดตรวจ 18 จุดบนทางหลวงที่เข้าสู่เมือง เพื่อตรวจสอบใบรับรองการตรวจเชื้อของผู้ที่เดินทางจากนานกิง รวมถึงระงับการขนส่งผู้โดยสารทางถนนระหว่างเมืองซูโจวและนานกิง
ส่วนมณฑลอื่นๆ ในจีนก็ตื่นตัว เช่น ที่มณฑลเสฉวน ทางการออกคำสั่งให้ผู้ที่เดินทางจากสนามบินทั้งหมดเข้ารับการกักตัวในสถานที่จำนวน 14 วันและที่บ้านอีก 7 วัน รวมถึงเริ่มตรวจเชื้อเชิงรุกให้ประชาชน หลังพบผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับการระบาดในนานกิง
คลัสเตอร์ที่เมืองนานกิง ถือว่าเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งที่สามของในจีน แห่งแรกมีการระบาดในกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีนในช่วงพฤษภาคมถึงมิถุนายน ส่วนแห่งสองเกิดที่มณฆลยูนนานใกล้ชายแดนเมียนมาเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม
นี่คือบรรยากาศของการตรวจหาเชื้อในเมืองรุ่ยลี่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเมืองดังกล่าวตั้งอยู่ในมณฑลยูนนานติดกับชายแดนเมียนมา
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มณฑลยูนนานของจีนเป็นมณฑลที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด ซึ่งมีพรมแดนโดยมีถึง 41 เคสที่เป็นชาวจีนซึ่งเดินทางกลับมาจากเมียนมา
ส่งผลให้ตามชายแดนถูกคุมเข้ม เช่น ในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ตำรวจต้องตรวจรถยนต์ทุกคันที่ข้ามพรมแดนมา
สถานการณ์ระบาดในจีนขณะนี้จึงเรียกได้ว่า ต้องจับตาและเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะเมื่อจีนมีพรมแดนติดกับเมียนมา และล่าสุดมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเดลตาในนานกิงแล้ว
การอุบัติขึ้นของสายพันธุ์เดลตาที่มีความสามารถในการแพร่ระบาดและต้านทานวัคซีนมากขึ้นกำลังทำให้หลายประเทศที่ควบคุมเชื้อได้ต้องเป็นกังวล
ล่าสุดมีรายงานจาก CDC เผยข้อมูลเพิ่มเติม ระบุว่า โควิดเดลตาแพร่ระบาดได้ง่ายพอๆ กับโรคอีสุกอีใส
นอกจากนั้นในรายงานล่าสุดยังเผยว่า แม้จะฉีดวัคซีนครบแล้ว แต่ก็อาจติดเชื้อเดลตาได้จากหลายปัจจัย เช่น อายุ และสุขภาพของคนๆ นั้น อย่างไรก็ตามที่มั่นใจได้คือ วัคซีนช่วยป้องกันอาการป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ
โดยทาง CDC ระบุว่า คนที่มีความเสี่ยงไม่ใช่แค่คนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่ยังรวมถึงผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง และบรรดาผู้สูงอายุ
"ชัยวุฒิ" เผย คุมเนื้อหาเพื่อกำจัดข่าวปลอม
สธ.ชี้ถ้าไม่ล็อกดาวน์ไม่เข้มข้น ยอดผู้ป่วยพุ่ง 4 หมื่นคนต่อวันแน่