ชาวกรีซเร่งอพยพหนีไฟป่า ลุกลามรุนแรงจากคลื่นความร้อน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา กรีซเผชิญกับไฟป่าครั้งใหญ่หลายพื้นที่ ซึ่งเป็นผลกระทบจากอิทธิพลคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี สถานการณ์รุนแรงขึ้นจนนักท่องเที่ยวและประชาชนหลายพันคนต้องเร่งอพยพ หลายคนระบุว่า ภาพที่เกิดขึ้นไม่ต่างอะไรจากวันสิ้นโลก

ภาพจากเกาะยูบีอา เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของกรีซ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่แล้ว เกิดเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ลุกลามเป็นวงกว้างจนทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงฉาน และไฟยังสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนจำนวนมากไฟป่าลุกไหม้ติดต่อกันเป็นเวลา 6 วันแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพนักท่องเที่ยวและประชาชนบนเกาะยูบีอา

ส่วนนี่คือภาพเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เรือขนาดใหญ่จอดเทียบท่าเกาะยูบีอาเพื่ออพยพประชาชนและนักท่องเที่ยวราว 650 คน ผู้ประสบภัยมีทุกเพศทุกวัย

"ไฟป่ากรีซ" โหมหนักเผาวอดบ้านนับร้อย ตาย 50 คน 

กรีซเร่งค้นหาผู้สูญหายจากไฟป่า ยอดตายพุ่ง 74 คน

รวมถึงคนท้องถิ่นด้วยโดยเรือลำนี้จอดอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มไฟขนาดใหญ่ที่กำลังเผาไหม้ป่า

รายงานล่าสุดจาก BBC ระบุว่า มีประชาชนอพยพจากเกาะยูบีอาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้มีมากกว่า 2,000 คนแล้วชาวกรีซที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่รู้สึกโกรธและสิ้นหวัง เนื่องจากพวกเขาสูญเสียบ้านและทรัพย์สินจากไฟป่าครั้งนี้ บางรายระบุว่า สถานการณ์เลวร้ายราวกับฉากในหนัง

ส่วนนี่คือภาพจากโซเชียลมีเดียที่เผยให้เห็นเกาะยูบีอาถูกไฟป่าลุกลามไปทั่วพื้นที่ เกิดกลุ่มควันขนาดมหึมา เปลวไฟลุกโชนจนท้องฟ้าเปลี่ยนสี

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลายร้อยคนถูกส่งไปปฏิบัติการในยูบีอา ทางการใช้เครื่องบินกับเฮลิคอปเตอร์อีก 17 ลำในการดับไฟ และได้โปรยโฟมสำหรับดับไฟให้ทั่วพื้นที่

นอกจากเกาะยูบีอา ตอนนี้พื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศก็กำลังเผชิญไฟป่าเช่นกัน

ขณะนี้มีไฟป่าเกิดขึ้นทั่วกรีซกว่า 150 จุด โดยมี 6 พื้นที่ที่อยู่ภายใต้การเตือนภัยระดับสูงที่สุดจุดที่เกิดไฟป่าใหญ่และร้ายแรงที่สุดอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเอเธนส์ บริเวณเชิงเขาปาร์นิตา

ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ไฟป่าเผาพื้นที่ของกรีซไปแล้ว 140,000 เอเคอร์ หรือราว 566.5 ตารางกิโลเมตร ส่งผลให้นักท่องเที่ยวและประชาชนหลายพันคนต้องอพยพ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 20 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นคืออาสาสมัครดับเพลิง

แม้ตอนนี้เจ้าหน้าที่จะควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่ทางการกรีซยังคงต้องเฝ้าระวังสูงสุด เพราะสภาพอากาศที่มีลมแรงอาจทำให้หลายพื้นที่เกิดไฟลุกปะทุขึ้นได้อีกครั้ง โดยเฉพาะในกรุงเอเธนส์และ เกาะครีต

ยูเอ็นเตือนภัย "ระดับสีแดง" วิกฤตสภาพอากาศโลก

ล่าสุดคิเรียกอส มิตโซตากิส นายกรัฐมนตรีของกรีซได้เปิดเผยว่า เหตุไฟป่าที่กำลังกวาดล้างหลายพื้นที่ทำให้กรีซต้องเผชิญกับฤดูร้อนที่เปรียบเสมือนฝันร้ายและย้ำว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญสูงสุดกับการรักษาชีวิตของผู้คน

ทั้งนี้เหตุไฟป่ากรีซเกิดขึ้นจากอิทธิพลคลื่นความร้อนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 30 ปี ทำให้อุณหภูมิในพื้นที่ทั่วประเทศพุ่งสูงถึง 45 องศาเซลเซียส

คลื่นความร้อนลักษณะนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมากจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์

ซึ่งสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งส่งผลให้ไฟป่าเกิดได้ง่ายและรุนแรงขึ้นนอกจากกรีซ ประเทศอื่นๆ ในยุโรป อเมริกา และเอเชีย ก็กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของโลก

โดยในวันนี้ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change หรือ IPCC) ของสหประชาชาติกำลังเตรียมรายงานประเมินสถานการณ์โลกร้อนที่มีเนื้อหาละเอียดครอบคลุมมากที่สุดนับตั้งแต่รายงานเมื่อปี 2013

โดยในปี 2013 ทางคณะกรรมการฯ สรุปว่า ตั้งแต่ช่วงปี 1950 เป็นต้นมา มนุษย์คือปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

และล่าสุดในปีนี้ ทาง IPCC ได้เปิดเผยรายงานการประเมิน ซึ่งประเด็นหรือข้อเท็จจริงสำคัญๆที่ปรากฏในรายงานชิ้นนี้คือ

1. ในระหว่างปี 2011-2020 (หรือ 9 ปีที่ผ่านมา) อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นแล้ว 1.09 องศาเซลเซียส ถือเป็นอัตราที่เร็วและน่ากลัวมาก เพราะในอดีต การเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียสของอุณหภูมิโลกใช้เวลานานมากกว่านี้ เช่น ช่วง 1850-1900 ใช้เวลาถึง 50  ปีช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคือ 2015-2020 เป็นช่วงที่โลกร้อนที่สุดนับตั้งแต่ปี 1850 ซึ่งเป็นปีการปฏิวัติอุตสาหกรรม

2. อุณหภูมิโลกที่เคยคาดกันว่าอาจสูงขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้หรืออีก 80 ปีข้างหน้า จะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม คือจะแตะหรือทะลุเพดาน 1.5 องศาเซลเซียสภายในปี 2040 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า เป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดขึ้น

อะไรจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้

สภาวะอากาศแบบสุดขั้วจะเกิดขึ้น จะถี่มากขึ้น สิ่งที่เราเห็น เช่น ไฟไหม้ในกรีซ น้ำท่วมยุโรป จีน แล้งจัด จะเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ น้ำแข็งขั้วโลกจะละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อย่างน้อย 2 เมตรเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในสิ้นศตวรรษนี้

และการเปลี่ยนแปลงทางสภาพาอากาศที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์จะส่งผลกกระทบต่อโลกไปอีกนาน เช่น มหาสมุทรอาจเป็นกรดไปอีกหลายร้อยปี และธารน้ำแข็งก็จะยังคงละลายอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายร้อยปีเช่นกัน

ภูเก็ต ปูพรมความปลอดภัย ป้องกันเหตุร้ายซ้ำ

 

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ