เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) เปิดเผยข้อมูลว่า ผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล มากกว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันถึง 29 เท่า
CDC ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาที่วิเคราะห์จากผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมากกว่า 43,000 รายในผู้ติดเชื้อกลุ่มอายุ 16 ปีขึ้นไปในลอสแอนเจลิส ช่วงเวลาตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. ถึงสิ้นเดือน ก.ค.
ภายใต้การปกครองของกลุ่มตาลีบัน โควิด-19 อัฟกานิสถานอาจเลวร้ายลง
ครบกำหนดเส้นตาย 90 วัน ภารกิจหน่วยข่าวกรองสืบหาต้นตอโควิด-19
อย.สหรัฐฯ "อนุมัติ" วัคซีนไฟเซอร์ ไบออนเทค สำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เต็มรูปแบบ
ผลการศึกษาพบว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 43,127 รายที่ได้รับการยืนยันในเมือง มีประมาณ 25% เป็นบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส 3% ได้รับการฉีดวัคซีนยังไม่ครบโดส และมีถึง 71.4% ของกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ที่ยังไม่ได้รับการวัคซีนโควิด-19
นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่า ในบรรดาผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสมี “เปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่ามาก” ในการป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล คืออยู่ที่ประมาณ 3% เท่านั้น มีประมาณ 0.5% ต้องเข้ารับการรักษาในไอซียู และมีเพียง 0.2% ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ
ส่วนในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนยังไม่ครบโดส มีประมาณ 6% ติดเชื้อแล้วป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ประมาณ 1% เข้ารับการรักษาในไอซียู และมีเพียง 0.3% ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ในกลุ่มคนที่ไม่ได้รับวัคซีน อัตราการป่วยโควิด-19 ในระดับต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล 29.2 เท่าของอัตราในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส ส่วนอัตราการติดเชื้อของบุคคลที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนก็มากกว่าคนที่ฉีดวัคซีนถึง 4.9 เท่า
นักวิจัยเขียนว่า ผลการศึกษาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้นของสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ในสหรัฐฯ
"ข้อมูลอัตราการติดเชื้อและการรักษาในโรงพยาบาลเหล่านี้บ่งชี้ว่า วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อและป่วยจากโควิด-19 อย่างรุนแรงในช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้นได้” นักวิจัยกล่าว
เรียบเรียงจาก Business Insider
ภาพจาก AFP