จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ รุมประณามโสมแดงยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ (คลิป)
เกาหลีเหนือยิงอีก! อ้างทดสอบอาวุธใหม่ - “ทรัมป์” เผย “คิม จอง อึน” ส่ง จม.ขอโทษ
สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มีการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล และผลการทดสอบประสบความสำเร็จ
โดย KCNA ระบุว่า ขีปนาวุธที่ทำการทดสอบนั้นสามารถร่อนไปได้ไกลกว่า 1,500 กิโลเมตร พุ่งสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ก่อนที่จะตกลงสู่ทะเลในน่านน้ำของเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวรอยเตอร์ได้มีการเผยแพร่ภาพดังกว่าว เป็นภาพของขีปนาวุธถูกปล่อยออกจากฐานขีปนาวุธก่อนที่จะร่อนขึ้นไป
อย่างไรก็ตามยังไม่มีใครสามารถยืนยันแหล่งที่มาของภาพนี้ได้ และยังไม่มีใครยืนยันได้ว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหรือไม่
การประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นเพียง 1 วันก่อนที่สหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะมีการประชุมกันที่กรุงโตเกียว เพื่อหาทางให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์
หลังข่าวการทดสอบปรากฏ ทางเกาหลีใต้มีท่าทีอย่างไร?
เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ลี จอง จู โฆษกกระทรวงการรวมชาติเกาหลีออกแถลงการณ์ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ทางเกาหลีเหนืออ้างว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธระยะไกล
ข่าวการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลของเกาหลีเหนือสำคัญอย่างไร?
สำคัญเพราะถ้าเป็นจริง และประสบความสำเร็จจริง ๆ เป็นภัยคุกคามความมั่นคง และจะก่อให้เกิดความตึงเครียดอย่างหนักในภูมิภาค เพราะหมายความว่า ในที่สุดเกาหลีเหนือก็เพิ่มความสามารถในการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของตน ให้ยิงได้ไกลมากขึ้น
ก่อนอื่นมาดูก่อนว่า ทำไมเกาหลีเหนือต้องพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แผ่นดินเกาหลีถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนโดยใช้เส้นละติจูดที่ 38 องศาเหนือ หรือเส้นขนานที่ 38 เป็นพรมแดนสมมติ ส่วนเหนือได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต ส่วนใต้ได้สหรัฐอเมริกาหนุนหลัง
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ปี 1950 ด้วยการสนับสนุนของสหภาพโซเวียต เกาหลีเหนือบุกเกาหลีใต้เพื่อแผ่ขยายอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ สหรัฐฯ ขอมติสหประชาชาติ ส่งกำลังเข้าไปช่วยเกาหลีใต้รบ ช่วงนั้นกองกำลังสหประชาชาติได้เปรียบ จนกระทั่งจีนกระโดดเข้าร่วมสงคราม เพราะเกรงถูกคุกคามบริเวณชายแดน เมื่อมีจีน ฝั่งเกาหลีเหนือก็แข็งแกร่งขึ้น รบกันอยู่ 3 ปี ไม่มีใครแพ้ใครชนะ ในที่สุดจึงตัดสินใจทำข้อตกลงหยุดยิงเมื่อปี 1953
ในทางเทคนิค สงครามยังไม่จบ เพราะเป็นแค่ข้อตกลงหยุดยิง ภายใต้การนำของ คิมจองอิล เกาหลีเหนือเริ่มพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อป้องกันตัวเอง และเพื่อเป็นอำนาจต่อรอง คานอำนาจกับสหรัฐฯและเกาหลีใต้ การพัฒนานิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเริ่มเป็นจริงเป็นจังมาตั้งแต่ปี 1980
จนกระทั่ง ปี 1985 เกาหลีเหนือเคยลงนามในสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ แต่สถานการณ์เปลี่ยน เมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1991 เกาหลีเหนือขาดผู้สนับสนุนทางการเงินและอาวุธ บวกกับการเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เกาหลีเหนือเผชิญกับความอดอยากถึง 4 ปี เชื่อกันว่ามีคนเสียชีวิตกว่า 3 ล้านคน ถูกประชาคมโลกโดดเดี่ยว เกาหลีเหนือจึงหันกลับมาพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อ
มีความพยายามเจรจาจากสหรัฐฯ ให้ เกาหลีเหนือ ยุติแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ ล่าสุดที่มีการเจรจาจริงจังคือ ช่วงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พบกับผู้นำสูงสุด คิม จอง อึน ที่สิงคโปร์เมื่อปี 2018 ตอนนั้นมีความพยายามให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ ยกเลิกการคว่ำบาตรทางการค้ากับเกาหลีเหนือ แต่ก็ไม่สำเร็จ ส่วนหนึ่งที่เกาหลีเหนือไม่ยอม เพราะเป็นการให้ปลดอาวุธเพียงฝ่ายเดียว
เกาหลีเหนือ เดินหน้าพัฒนาโครงการต่อไปแบบเงียบ ๆ โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ มักทำที่ฐานทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ปุงเก-รี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ สิ่งที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือพัฒนาโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ไปมากคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน กันยายนปี 2016 บริเวณคาบสมุทรเกาหลีจู่ ๆ ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาด 5.3 โดยเกาหลีเหนืออ้างว่าเป็นการทดลองหัวระเบิดนิวเคลียร์ที่เล็กพอจะติดตั้งบนขีปนาวุธสำเร็จ
ปีถัดมาคือ กันยายน 2017 เกิดแรงสั่นสะเทือนอีกครั้ง คราวนี้วัดได้ 6.3 ริกเตอร์ รุนแรงมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า ในคราวนั้นเกาหลีเหนืออ้างว่าได้ทดลองระเบิดไฮโดรเจนที่ "ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ" และสามารถนำไปติดตั้งบนขีปนาวุธข้ามทวีปได้แล้ว แต่การมีอาวุธนิวเคลียร์อย่างเดียวไม่พอ ถ้าเกาหลีเหนือจะโจมตีศัตรูต้องพัฒนาขีปนาวุธด้วย ขีปนาวุธนี้มีไว้เพื่อใช้ติดหัวรบนิวเคลียร์ และขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือใฝ่ฝันจะมีมากที่สุดคือ ขีปนาวุธข้ามทวีปหรือ ICBM (Intercontinental ballistic missle)
ทำไม ICBM จึงเป็นหมุดหมายสำคัญที่เกาหลีเหนืออยากไปให้ถึง เพราะ ICBM สามารถใช้ติดหัวรบนิวเคลียร์เพื่อการโจมตีระยะไกลข้ามทวีปไปถึงศัตรูคนสำคัญคือ สหรัฐฯ การพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออาศัยพื้นฐานมาจากจรวดสกั๊ดของโซเวียต ก่อนข่าวการทดสอบขีปนาวุธระยะไกลออกมา เชื่อกันว่า เกาหลีเหนือพัฒนาขีปนาวุธระยะใกล้และกลางสำเร็จแล้ว
- ขีปนาวุธระยะสั้น (Short range) ยิงได้ในระยะต่ำกว่า 1,000 กิโลเมตร หรือในระยะที่ไปถึงเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
- ขีปนาวุธระยะกลาง (Medium range) ยิงได้ในระยะ 1,000 ถึง 3,000 กิโลเมตร ยังอยู่ในรัศมีที่ยิงได้ไกลถึงเกาหลีใต้ และชายฝั่งของญี่ปุ่น หรือประมาณ 692 กิโลเมตรจากกรุงโตเกียว
- ขีปนาวุธระยะกลางมาก (Intermediate range) ยิงได้ในระยะ 3,000 ถึง 5,500 กิโลเมตร มีสองตัวคือ ฮวาซอง 12 และฮวาซอง 14 สามารถยิงไปไกลถึงเกาะกวม ที่ตั้งของฐานทัพสหรัฐฯในแปซิฟิก ซึ่งเกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธระยะนี้ในเดือนพฤษภาคม ปี 2017
- และระยะที่ไกลที่สุด คือระยะข้ามทวีป (Intercontinental range) ขีปนาวุธข้ามทวีป ที่เกาหลีเหนือ พยายามพัฒนา คือ ขีปนาวุธที่สามารถยิงได้ในระยะ 10,000 และ 11,500 กิโลเมตรที่มีรัศมีครอบคลุมไปถึงนครนิวยอร์ก และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อย่างไรก็ตาม การทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลที่เกาหลีเหนือบอกว่าประสบความสำเร็จไม่มีการยืนยันว่า ยิงไปได้ไกลขนาดไหน และมีความแม่นยำมากน้อยเพียงใด
ทั้งนี้ ข่าวการทดสอบขีปนาวุธสำเร็จ แม้จะยังไม่ยืนยันว่าไปได้ไกลขนาดไหนก็อาจสร้างความกังวลได้มากพอสมควร
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 15 มกราคม เกาหลีเหนือเปิดตัวขีปนาวุธยิงติดเรือดำน้ำรุ่นใหม่ที่สื่อทางการเกาหลีเหนือกล่าวว่าเป็นอาวุธทรงพลังที่สุดในโลกในพิธีสวนสนามงานรำลึกการประชุมใหญ่ของพรรคแรงงาน ซึ่งจัดขึ้นเพียง 5 วันก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
หลายฝ่ายเชื่อว่า เกาหลีเหนือพยายามแสดงความแข็งแกร่งเพื่อท้าทายประธานาธิบดีคนใหม่อย่างโจ ไบเดนและข่มขวัญสหรัฐฯ
หากการต่อสู้เกิดขึ้นจริง เปรียบเทียบกำลังระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือจะสู้ได้หรือไม่?
รายงานจากปี 2020 เชื่อกันว่าเกาหลีเหนือมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ราว 10-20 ลูกเท่านั้น ด้าน ศูนย์วิจัยการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ มหาวิทยาลัยนางาซากิคาดว่า เกาหลีเหนือ อาจมีนิวเคลียร์ถึง 35 ลูกในคลังแสง อย่างไรก็ตามจำนวนที่แท้จริงยากจะทราบได้ ส่วนจำนวนขีปนาวุธยังไม่ชัดเจน แต่นับตั้งแต่ปี 1984 จนถึงปัจจุบันคาดกันว่าเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธไปแล้วราว 156 ครั้ง
ส่วนสหรัฐฯ มีขีปนาวุธข้ามทวีปในระยะประมาณ 10,000 กิโลเมตรมีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมยิงทันที 1,800 หัว หัวรบนิวเคลียร์ที่เก็บสะสมไว้ 4,000 หัว และระบบต่อต้านขีปนาวุธ (THAAD) ใน ฮาวาย เกาะกวม และเกาหลีใต้
สำหรับนโยบายของโจ ไบเดน ต่อเกาหลีเหนือ คือ พยายามใช้วิธีทางการทูต เพื่อให้เกากลีเหนือยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่มีความตั้งใจที่จะยกเลิกการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ