โรงงานแห่งนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่าง “ไคลม์เวิร์กส (Climeworks)” บริษัทสตาร์ทอัปจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงจากอากาศ และ “คาร์บฟิกซ์ (Carbfix)” บริษัทจัดเก็บคาร์บอนในไอซ์แลนด์ โดยสามารถดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศได้ปีละ 4,000 ตัน หรือเทียบได้กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถเกือบ 800 คัน ใน1 ปี
โลกกำลังเผชิญ "ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์"ที่ปกคลุมสูงสุด
ยูเอ็นเผยก๊าซเรือนกระจกยังพุ่งทำสถิติใหม่ แม้โลกเจอโควิด
นักวิทย์เตือนโลกกำลังกลายสภาพเป็น “โรงบ่มความร้อน”
ตัวโรงงานประกอบด้วยคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ 8 ตู้ ซึ่งใช้ฟิลเตอร์ที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง และพัดลมในการแยกก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากนั้น คาร์บอนที่แยกออกมาจะถูกผสมกับน้ำและอัดลงใต้ดิน และกลายเป็นหินอย่างช้าๆ
ยาน วูร์ซบาเคอร์ (Jan Wurzbacher) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไคลม์เวิร์กส์ บอกว่า บริษัทมีลูกค้ารายใหญ่ๆ แล้วหลายเจ้า เช่น ไมโครซอฟท์ และออดี้ (Audi) และกำลังจะสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่ใหญ่กว่านี้ 10 เท่า ภายใน 2 ถึง 3 ปีข้างหน้า โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกัน
สำหรับเทคโนโลยีใหม่นี้ นักวิทยาศาสตร์มองว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมภาวะโลกร้อน
ข้อมูลจากทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่า ปัจจุบัน ทั่วโลกมีโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรง 15 แห่ง สามารถดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 10,000 ตัน
แม้ว่าการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงจะเป็นเทคโนโลยีใหม่และมีราคาสูง แต่ผู้พัฒนาก็หวังว่าจะลดราคาลงได้ด้วยการขยายกำลังการผลิต ขณะที่ธุรกิจต่างๆ และผู้บริโภคหาทางลดการปล่อยคาร์บอนจากกิจกรรมต่างๆ ของตัวเองมากขึ้น
ภาพ Reuters, AFP
วิกฤตสภาพอากาศอาจบีบให้ 216 ล้านคนทั่วโลกต้องย้ายถิ่นฐานภายในปี 2050
ค้านฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 กระตุ้นภูมิ