สหรัฐฯ-อังกฤษ ช่วยสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ให้ออสเตรเลีย หวังต่อกร จีน
จีนให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินอัฟกานิสถาน 1,000 ล้านบาท
จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนออกมาประณามความร่วมมือนี้ทันที โดยระบุว่า เป็นข้อตกลงที่ไร้ความรับผิดชอบ และจะเป็นการบั่นทอนความพยายามของโลกในการลดหรือจำกัดการแข่งขันสะสมอาวุธนิวเคลียร์ และนี่เท่ากับเป็นการลากให้โลกเข้าไปสู่สงครามเย็น
โดยปฏิเสธไม่ได้ว่า การจับมือกันของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย เพื่อเรือดำน้ำที่ยิงขีปนาวุธ ได้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคหลังจากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีความตึงเครียดเดิมอยู่แล้ว
เมื่อจีนมีการส่งฝูงเครื่องบินรบเข้ามาในเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวันบ่อยครั้ง ในขณะที่ไต้หวันก็มีการส่งฝูงบินเตือนกลับ
หลังสหรัฐฯ ไฟเขียวขายอาวุธยุทโธปกรณ์ล็อตใหม่ให้ไต้หวัน และโจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ย้ำจุดยืนของวอชิงตันในการสนับสนุนไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายใน เพราะมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
ท่าทีของจีนทำให้ไต้หวันระมัดระวังตัวขึ้น เมื่อวานไต้หวันเพิ่งจะมีการซ้อมรบประจำปี โดยมีการจำลองสถานการณ์ในบริบท "การถูกรุกราน” ด้วยการฝึกซ้อมของกองพลยานเกราะและการฝึกซ้อมของนำฝูงเครื่องบินขับไล่ลงจอดบนทางหลวง
ส่วนวันนี้ก็มีการประกาศเพิ่มงบประมาณทางการทหารอีก 9 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ยังไม่หมด ความร้อนระอุในภูมิภาคยังมีอีกคู่ นั่นคือเกาหลีเหนือและเกาหลีใใต้เพิ่งจะมีการทดสอบขีปนาวุธกันไป เริ่มต้นจากเกาหลีเหนือ ที่เมื่อช่วงเที่ยงของเมื่อวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ทางการได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูก จากขบวนรถไฟ รายงานระบุว่า เป็นขีปนาวุธแบบทิ้งตัวหรือ Ballistic missile พิสัยใกล้ ซึ่งเดินทางในอากาศราว 800 กิโลเมตร และไต่ระดับสูงสุดที่ 60 กิโลเมตร ขีปนาวุธทั้งสองลูกตกลงในทะเลญี่ปุ่น ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรเกาหลี
ซึ่งสำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนืออ้างว่า ขีปนาวุธที่ทำการทดสอบนั้นสามารถร่อนไปได้ไกลกว่า 1,500 กิโลเมตร หรือถึงประเทศญี่ปุ่น
หลังเกาหลีใต้รายงานว่าเกาหลีเหนือได้ทดสอบอาวุธครั้งใหม่ ปรากฏว่าไม่กี่ชั่วโมงถัดมาทางเกาหลีใต้ก็ทดสอบเช่นกัน โดยเป็นขีปนาวุธแบบทิ้งตัวที่ยิงออกมาจากเรือดำน้ำ เป็นครั้งแรกที่เกาหลีใต้ทดสอบแบบนี้ และระบุว่าขีปนาวุธยิงเข้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ
นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่ทั้งสองชาติจะยิงขีปนาวุธทดสอบในเวลาไล่เลี่ยกัน สะท้อนความพยายามแข่งขันด้านอาวุธอันดุเดือดของคาบสมุทรเกาหลี
ล่าสุดทั้งสหประชาชาติและสหรัฐฯ ออกมาประณามการกระทำของเกาหลีเหนือ เนื่องจากการทดสอบขีปนาวุธแบบทิ้งตัวนั้น ถือว่าขัดต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เนื่องจากเคยมีการทำข้อตกลงห้ามการทดสอบขีปนาวุธประเภทนี้ไว้
จอห์น เดลูรี ศาสตราจารย์ด้านจีนศึกษา จากมหาวิทยาลัยยอนเซ มองว่า การทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือครั้งนี้เป็นการแสดงออกถึงท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้น เพราะทดสอบในเวลาที่หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน อยู่ระหว่างการเยือนเกาหลีใต้ รวมถึงมีความเป็นไปได้ว่า เกาหลีเหนือกำลังพยายามที่จะสลัดอิทธิพลของจีน
เรียกได้ว่าขณะนี้ จีนกำลังเผชิญความท้าทายจากหลายด้าน ทั้งจากชาติคู่แข่งอย่างสหรัฐฯ ไปจนถึงชาติพันธมิตรอย่างเกาหลีเหนือ ที่ยังคงเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป หรือ ICBM ไม่หยุด
ในขณะที่เกาหลีใต้เองก็พยายามพัฒนาศักยภาพทางการทหาร ซึ่งการยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำล่าสุด อาจทำให้เกาหลีใต้กลายมาเป็นประเทศที่ 7 ที่มีความสามารถในการยิงขีปนาวุธจากเรือดำน้ำก่อนหน้าออสเตรเลีย แม้ว่าประเทศนี้จะยังไม่มีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ก็ตาม