จีน ส่งเครื่องบินรบลุกล้ำไต้หวัน เกือบ 150 ลำ ใน 4 วัน
ผู้นำสหรัฐฯ-จีน เตรียมจัดประชุมออนไลน์ ลดความตึงเครียด
ความเคลื่อนไหวบนช่องแคบไต้หวันยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจีนจะไม่ได้ส่งเครื่องบินเข้าเขตป้องกันภัยทางอากาศมาแล้วเกือบสัปดาห์ แต่ไม่ได้หมายความว่าความตึงเครียดจะคลายลง เพราะทั้งสองฝ่ายยังคงทำสงครามทางวาจากัน
เริ่มจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิงที่ออกมายืนยันถึงเป้าหมายในการนำไต้หวันเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีนหรือการรวมชาติในระหว่างปราศรัยต่อมหาศาลาประชาคมในกรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามมาด้วยการโต้กลับจีนด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวจากประธานาธิบดีไต้หวัน
เมื่อวานนี้เป็นวันชาติไต้หวัน ประธานาธิบดี ไช่อิงเหวิน ขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์ประกาศว่า จีนไม่มีสิทธิ์มากำหนดอนาคตของไต้หวัน มีเพียงชาวไต้หวัน 23 ล้านคนเท่านั้นที่มีสิทธิ์กำหนดอนาคตของตนเอง
ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินของไต้หวัน ปรากฏตัวบนเวทีในงานวันชาติไต้หวันที่จัดขึ้นในนครไทเปเมื่อวานนี้ ก่อนกล่าวสุนทรพจน์ที่หลายคนจับตามอง Ffpที่หลายฝ่ายสนใจ ก็เพราะสุนทรพจนี้เกิดขึ้นในวันที่ความสัมพันธ์ของจีนกับไต้หวันกำลังตึงเครียดอย่างหนัก
จากการที่จีนส่งเครื่องบินรบเข้าเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อวันอังคารที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่จีนส่งเครื่องบินรบศักยภาพสูงเข้ามาถึง 56 ลำ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยันรวมชาติกับไต้หวันด้วยสันติวิธี
สัปดาห์ที่แล้วรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ชิวกว๋อเจิ้ง ออกมาระบุว่าสถานการณ์ไต้หวัน-จีน กำลังอยู่ในจุดที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 40 ปี และมีโอกาสที่อาจเกิดกรณีจีนใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบบุกยึดไต้หวัน
ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินระบุว่า นี่เป็นความท้าทายที่ไต้หวันไม่เคยเจอมาก่อน แต่ไต้หวันจะไม่ยอมก้มหัวให้จีนอย่างเด็ดขาด และจะทำทุกทางเพื่อปกป้องอธิปไตยของตนเอง ซึ่งชาวไต้หวัน 23 ล้านคนเท่านั้นที่ จะขีดอนาคตของตนเอง ไม่ใช่จีน
สิ่งที่ผู้นำไต้หวันพูด คือ การขอกำหนดอนาคตตัวเอง หมายความว่าไต้หวันปฏิเสธหลักการจีนเดียว รวมถึงปฏิเสธหลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบที่จีนเคยเสนอ การปกครองตนเองแบบ "หนึ่งประเทศ สองระบบ” คือรูปแบบที่จีนใช้กับฮ่องกงหลังจากอังกฤษคืนเกาะฮ่องกงให้กับจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อปี 1997
ผู้ที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาคือ อดีตประธานาธิบดีเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำจีนในขณะนั้น สาระสำคัญของหนึ่งประเทศ 2 ระบบคือ การที่จีนสัญญาว่าจะดำรงเศรษฐกิจเสรีของฮ่องกงต่อไปอีก 50 ปี โดยประเด็นความมั่นคงและการต่างประเทศจะอยู่ภายใต้การกำหนดของจีน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ถึง 50 ปี สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การที่จีนเข้ามากระชับพื้นที่ของฮ่องกงมากขึ้น ก่อให้เกิดกระแสประท้วงอิทธิพลของจีนอย่างต่อเนื่อง ใหญ่ที่สุด คือ ปฏิวัติร่มเมื่อปี 2014 และตามมาด้วยการประท้วงใหญ่เมื่อปี 2019 จนรัฐบาลจีนตัดสินใจออกกฏหมายความมั่นคงบังคับใช้กับฮ่องกง มีการปราบปรามผู้ประท้วง แกนนำเกือบทั้งหมดถูกจับกุม บางคนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ
คนไต้หวันเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฮ่องกงด้วยความกังวล และมีความเห็นมากขึ้นของคนที่ปฏิเสธไม่รับข้อเสนอของของจีนที่จะใช้หลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบกับไต้หวัน
นอกเหนือจากโต้กลับจีน ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิงใช้โอกาสนี้เตือนนานาชาติว่า โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่เพราะการผงาดขึ้นของลัทธิอำนาจนิยม และขณะนี้ไต้หวันเสมือนเป็นด่านหน้าของประชาธิปไตยที่กำลังถูกลัทธิดังกล่าวคุกคาม
สหรัฐฯ ยังคงทหารในไต้หวัน แม้ตัดสัมพันธ์ทางการแล้ว
การออกมาประกาศจุดยืนของไต้หวันในการกำหนดอนาคตของตนเอง เป็นการส่งสัญญานว่าพวกเขาไม่ยอมการรวมชาติ และไม่ยอมรับหลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิงของจีนออกมาพูดอีกครั้งว่า การรวมชาติจะต้องเกิดขี้นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
สิ่งที่ สีจิ้นผิง พูดคือ การตอกย้ำอีกครั้งถึงเป้าหมายการรวมชาติ ว่าจะต้อทำให้ได้และจะไม่มีใครสามารถหยุดจีนได้ โดยผู้นำจีนบอกว่า ไม่ควรมีใครดูถูกความเด็ดเดี่ยวและความความมุ่งมั่นในสิ่งนี้ซึ่งเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ของจีน
ประโยคที่เป็นไฮไลท์คือ เมื่อผู้นำจีนพูดถึงแนวคิดการแบ่งแยกดินแดนเป็นอิสระของไต้หวัน โดยเขาบอกว่าคือ อุปสรรคใหญ่หลวงเป็นอันตรายร้ายแรง เป็นการกระทำของคนที่หลงลืมรากเหง้าของตัวเอง หักหลังแผ่นดินเกิด และคนเหล่านี้จะถูกผู้คนเหยียดหยามและถูกประวัติศาสตร์ประณาม
มีการตีความว่า ผู้นำจีนกำลังพุ่งเป้าไปที่ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินและพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งเปิดหน้าสู้กับจีนแผ่นดินใหญ่มาตลอดนับตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งสมัยแรกเมื่อปี 2016
ทั้งนี้พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าที่นำโดยไช่อิงเหวินเป็นพรรคที่มีแนวนโยบายต่อต้านการรวมชาติ รวมถึงต่อต้านการใช้แนวทาง 1 ประเทศ 2 ระบบ โดยเธอระบุว่า ไต้หวันเป็นดินแดนประชาธิปไตยที่ประสบความสำเร็จ มีเศรษฐกิจที่ดี และควรได้รับความเคารพจากรัฐบาลจีน
แนวทางของเธอได้รับความนิยมจากชาวไต้หวันมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้เธอชนะเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2020 กลับเข้ามาเป็นผู้นำสมัยที่สอง และจุดยืนที่ชัดเจนแบบนี้ของผู้นำไต้หวันคือส่วนหนึ่งที่ทำให้จีนมีท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้น
โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาได้ส่งเครื่องบินรบเข้าเขตป้องกันภัยทางอากาศไต้หวันแล้วกว่า 600 ครั้ง และผู้นำจีนสีจิ้นผิงก็ออกมาประกาศหลายครั้งว่า จะทำลายความพยายามใดๆ ก็ตามในการแยกตัวเป็นอิสระ
ที่หนักที่สุดคือเมื่อปี 2019 ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงขู่อย่างตรงไปตรงมาว่าจะใช้กำลังเพื่อทำให้ไต้หวันมาอยู่ภายใต้การควบคุมของจีน
อย่างไรก็ตาม การพูดของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเรื่องการรวมชาติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีท่าทีที่อ่อนลง โดยเขาบอกว่า การรวมชาติจะเป็นไปอย่างสันติ
การออกมาตอบโต้กันระหว่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและประธานาธิบดีไช่อิงเหวินเกิดขึ้นในช่วงวันครบรอบ 110 ปีการปฏิวัติชิงไห่ ที่นำโดย ดร ซุน ยัด เซ็น คือ เหตุการณ์ที่ทำให้การปกครองของพระจักรพรรดิ หรือฮ่องเต้ ที่ปกครองประเทศจีนมายาวนานกว่า 2,000 ปีสิ้นสุดลง เมื่อราชวงส์ชิงถูกล้มล้างสาธารณรัฐจีนก็ถูกสถาปนาขึ้นมาแทนภายใต้การปกครองของพรรคก๊กมินตั๋ง จากนั้นก็เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งที่นำโดยเชียงไคเช็ค และพรรคคอมมิวนิสต์ที่นำโดยเหมาเจ๋อตง
ผลออกมาคือ พรรคก๊กมินตั๋งแพ้สงคราม และอพยพผู้คนในปกครองไปตั้งถิ่นฐานบนเกาะไต้หวัน ภายใต้ชื่ออย่างเป็นทางการว่าสาธารณรัฐจีนเช่นเดิม ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์ก็ได้สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ขึ้นปกครองแผ่นดินใหญ่แทนที่ มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวันถือเอาวันที่ 10 ตุลาคม เป็นวันสำคัญ โดยจีนเชิดชูการปฏิวัติครั้งนั้นว่าเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการสร้างชาติของชาวจีนอย่างแท้จริง ส่วนชาวไต้หวันก็ถือเอาวันนี้เป็นวันชาติ
และในวันชาติของไต้หวันปีนี้ นอกเหนือจากสุนทรพจน์ของผู้นำที่ประกาศว่าจะไม่ยอมก้มหัวให้จีนแล้ว ยังมีการแสดงอาวุธยุทธโธปกรณ์ออกมาโชว์ ที่น่าสนใจที่สุดคือ อากาศยานในการสู้รบ อย่าง เครื่องบินขับไล่ รวมถึงยังมีรถถังติดเครื่องยิงขีปนาวุธ
อย่างไรก็ตามแน่นอนจีนออกมาตอบโต้หลังสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวินและการฉลองวันชาติ โดย สำนักงานกิจการไต้หวันในกรุงปักกิ่งของจีนแถลงการณ์ว่า ไต้หวันกำลังกระทำการอันเป็นการยั่วยุให้เกิดการเผชิญหน้า
