วันนี้ 22 ต.ค. เป็นวันแรกที่เมลเบิร์น เมืองที่มีประชากร 5 ล้านคนได้เริ่มคลายล็อกวันแรก หลังการปิดเมืองรอบล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
บรรดาเจ้าของธุรกิจผับบาร์ ร้านอาหาร และคาเฟ่ เตรียมสั่งซื้อของใช้อย่างคึกคัก ก่อนเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งหลังเที่ยงคืนของคืนนี้ตามเวลาออสเตรเลีย และทั้งวันของวันนี้ผู้คนก็เริ่มออกมานั่งดื่มหรือรับประทานอาหารในร้านได้ หลายคนบอกว่า การล็อกดาวน์คือความทรมาน เหมือนกับการถูกขังคุก
“นครเมลเบิร์น” ของออสเตรเลีย เปิดเมืองหลังล็อกดาวน์นานที่สุดในโลก
นักช็อปแห่ตุนสินค้าก่อน "เมลเบิร์น" ล็อกดาวน์คุม โควิด-19 รอบใหม่
การคลายล็อกเกิดขึ้นหลังจากรัฐวิกตอเรียสามารถเร่งฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรเป็นที่เรียบร้อย
อย่างไรก็ตามการคลายล็อกคราวนี้จะยังไม่ใช้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ข้อจำกัดบางอย่างยังคงอยู่ เช่น ผับและคาเฟ่ จะสามารถรับบริการลูกค้าที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเท่านั้น โดยถ้าเป็นในตัวอาคารรับลูกค้าได้ 20 คนภาย ส่วนถ้าร้านเป็นกลางแจ้งสามารถรับได้ไม่เกิน 50 คน ร้านเสริมสวยและร้านทำผมยังถูกจำกัด รับลูกค้าได้คราวละไม่เกิน5 คน ที่สำคัญคือ ยังคงมีการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยทั้งในร่มและกลางแจ้ง
เมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน ระบุว่า การผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ จะสามารถทำเพิ่มได้มากกว่านี้หากการฉีดวัคซีนทำได้ครอบคลุมถึงร้อยละ 80 และ 90 ของประชากร โดยคาดว่า การผ่อนคลายเกือบเต็มรูปแบบน่าจะทำได้ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ซิดนีย์ เมืองเอกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ก็เพิ่งประกาศคลายล็อก
การคลายล็อกหลายถึงการที่เด็กๆได้กลับเข้าชั้นเรียน ทั้งระดับอนุบาล นักเรียนชั้นประถมและมัธยม หลังต้องเรียนออนไลน์รอบล่าสุดนานเกือบ 4 เดือน
การคลายล็อกในหลายเมืองของออสเตรเลียเกิดขึ้นแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงอยู่ โดยในเมลเบิร์น ช่วงสัปดาห์นี้ยังคงมีผู้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 1,800 คน แต่ก็เดินหน้าคลายล็อก เนื่องจากฉัดวัคซีนได้ถึงร้อยละ 70 ของประชากร นอกจากนี้ออสเตรเลียยังได้ยกเลิกนโยบายกดตัวเลขให้เป็นศูนย์มาเป็นนโยบายมาเป็นการอยู่ร่วมกับไวรัสให้ได้หลังตระหนักว่าเชื้อกลายพันธุ์เดลตาเป็นเชื้อที่ยากแก่การควบคุม