เมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) เกาหลีใต้ยืนยันพบผู้ติดเชื้อใหม่ 5,123 คน ซึ่งถือเป็นสถิติรายวันที่สูงที่สุด นับตั้งแต่เผชิญการแพร่ระบาด ในจำนวนนี้ 4,110 คน พบในพื้นที่กรุงโซลและปริมณฑล
นอกจากนี้ ยังพบผู้เสียชีวิตอีก 34 คน ส่วนจำนวนผู้ป่วยอาการหนักสะสมในไอซียู เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 723 คน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเป็นผลจากการที่ระดับภูมิคุ้มกันในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรกๆ เริ่มลดลง จึงขอให้ผู้สูงอายุรีบฉีดวัคซีนเข็ม 3 โดยเร็ว
เกาหลีใต้ติดโควิดทุบสถิติใหม่ หลังคลายมาตรการ "อยู่ร่วมกับไวรัส"
เกือบ 40 ประเทศทั่วโลกปิดพรมแดน คุมเข้มสกัดโควิด-19 “โอไมครอน”
อย.ยุโรป-ออกซ์ฟอร์ด ยังเชื่อมั่นในวัคซีน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับความเสี่ยงจากโควิด "โอไมครอน" ทำให้รัฐบาลตัดสินใจระงับแผนผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม เพื่อไม่ให้ระบบสาธารณสุขตึงตัว จากจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ทางการกำลังเร่งตรวจสอบเคสต้องสงสัยติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอน เดินทางมาจากไนจีเรีย ซึ่งคาดว่าจะทราบผลตรวจแน่ชัดภายในวันนี้ (1 ธ.ค.) ซึ่งในระหว่างนี้ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (KDCA) จะจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อรับมือกับสายพันธุ์นี้โดยเฉพาะ
ปัจจุบัน ประชากรเกาหลีใต้ 82.9% ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว และในจำนวนนี้ มี 79.9% ที่ฉีดครบโดสแล้ว
มาเลเซียระงับประกาศ "โควิด" เป็น "โรคประจำถิ่น" รอข้อมูล "โอไมครอน"
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ก่อนหน้านี้ รัฐบาลวางแผนจะปรับเปลี่ยนแนวทางการรับมือโควิด-19 และประกาศให้เพียงเป็น "โรคประจำถิ่น" โดยพิจารณาจากหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น จำนวนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลและในไอซียู จำนวนคนกักกันโรค ประสิทธิภาพในการตรวจหาเชื้อ และอัตราการตรวจพบเชื้อ
แต่ล่าสุด รัฐบาลประกาศระงับแผนดังกล่าวเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ "โอไมครอน" ทั้งระยะฟักตัว อาการ และการแพร่กระจายเชื้อ เนื่องจากปัจจุบัน เชื้ิอไม่เพียงระบาดแค่ในแอฟริกาใต้ แต่ลุกลามไปภูมิภาคอื่น ๆ แล้ว
โดยในระหว่างนี้ รัฐบาลจะยกระดับคุมเข้มนักเดินทางจากประเทศที่ยืนยันพบเชื้อโอไมครอนแล้ว