เหล่าสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐ นำโดยแนนซี่ เพโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสมาชิกชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภา ร่วมกันทำพิธีไว้อาลัยต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ ที่ร่วมกันเข้าปกป้องอาคารรัฐสภาของสหรัฐ ระหว่างเกิดเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกโจมตีเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปี 2021 โดยบรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติจุดเทียน และยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัย ขณะที่วงดุริยางค์บรรเลงดนตรี ที่ขั้นบันไดของอาคารรัฐสภา
สหรัฐฯ เรียกร้อง กองทัพเมียนมา คืนอำนาจรัฐบาลพลเรือน
ผู้นำโลกรำลึกครบรอบ 100 ปี สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1
ซึ่งในวันนั้น หน้าต่างและประตูที่เป็นกระจกแตกกระจาย ตำรวจต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ และบรรดาสมาชิกสภานิติบัญญัติต้องพากันหนีออกจากอาคารเพื่อเอาชีวิตรอด โดยแนนซี่ เพโลซี่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กล่าวนำ ก่อนที่สมาชิกสภานิติบัญญัติทั้งหมดจะยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในวันนั้นเพื่อปกป้องประชาธิปไตย
หลังเกิดเหตุ มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งนายเสียชีวิตในวันนั้น หลังเข้าปะทะกับผู้ก่อความไม่สงบ และมีรายงานเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกราว 140 นายได้รับบาดเจ็บ
ลงทะเบียนฉีดวัคซีนเข็ม 3 “ไฟเซอร์” ผ่านเครือข่ายมือถือ เริ่ม 7 ม.ค. 65
จากนั้น อัยการสหรัฐได้ตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมต่อประชาชนอย่างน้อย 725 คนที่เชื่อมโยงกับเหตุจลาจลดังกล่าว
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบหนึ่งปีเหตุจลาจลดังกล่าว โดยผู้นำสหรัฐคนปัจจุบันกล่าวหาทรัมป์ว่า เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ ที่ประธานาธิบดีคนหนึ่งไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง และพยายามไม่ให้เกิดการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ จนมีกลุ่มฝูงขนบุกเข้าอาคารรัฐสภา แต่คนเหล่านั้นก็ล้มเหลว ดังนั้น สหรัฐจะต้องรำลึกถึงวันนี้เพื่อให้มั่นใจว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์โจมตีในลักษณะนั้นเกิดขึ้นอีก
นอกจากนี้ ไบเดนยังได้กล่าวด้วยว่า อดีตประธานาธิบดีสหรัฐยังได้แพร่กระจายเครือข่ายโยงใยของความหลอกลวง ในการเลือกตั้งเมื่อปลายปี 2020 อีกด้วย
ทั้งนี้ เหตุจลาจลในครั้งนั้นเกิดขึ้น หลังผ่านการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.ปี 2020 และพบว่า ไบเดนชนะการเลือกตั้ง แต่ในระหว่างนั้น อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ก็พยายามร้องเรียนและฟ้องศาลว่ามีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้น เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนั้นเป็นการเลือกตั้งที่มีประชาชนลงคะแนนผ่านระบบไปรษณีย์ค่อนข้างเยอะ เพราะการระบาดของโควิด 19
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 6 มค ขณะที่เหล่าวุฒิสมาชิกกำลังจะลงคะแนนรับรองผลการเลือกตั้ง บรรดาผู้สนับสนุนทรัมป์ก็บุกเข้าไปยังอาคารวุฒิสภา ก่อความวุ่นวาย ก่อนที่หลังจากนั้น ทรัมป์จะได้ออกแถลงการณ์ว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง และยังย้ำว่าเขาชนะ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนถ่ายอำนาจในสาบานตนจะเป็นไปอย่างเรียบร้อย
"เช็ก 5 อาการโอมิครอน" ที่แพทย์ตรวจพบในกลุ่มผู้ติดเชื้อโควิด
แต่ต่อมาในพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีไบเดน ทรัมป์และคู่สมรสก็ไม่ได้เข้าร่วมแต่อย่างใด นับเป็นอีกครั้งที่เขาฉีกธรรมเนียมของเหล่าประธานาธิบดีสหรัฐ
หลังจากนั้น อัยการสหรัฐยังได้สอบสวนกรณีดังกล่าว โดยสอบทั้งทรัมป์ และผู้ร่วมงานของเขา เพราะสงสัยว่า ทั้งหมดมีส่วนที่ไปกระตุ้น ปลุกระดมให้ประชาชนบุกอาคารรัฐสภาในวันนั้น