ม.หอการค้า - สอวช. เสริมศักยภาพผู้ประกอบการขับเคลื่อนนวัตกรรมชุมชนภาคเหนือ รุ่น2
สุดเจ๋ง! ม.หอการค้า จัดประชุมวิชาการระดับชาติ ฝ่าโควิด-19 ผ่านระบบออนไลน์
อาจารย์รุ่งโรจน์ สุวรรณสิชณน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า อยากให้ประชาธิปไตยเริ่มต้นตั้งแต่ในมหาวิทยาลัย เช่น การเลือกตั้ง ที่มีการแสดงความคิดเห็น สมมุตินายกสภานักศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง นักศึกษาคนอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ ดำเนินกระบวนการตรวจสอบได้ หรือตั้งคำถามให้นายกสภานักศึกษาเป็นคนตอบว่าทำไมถึงทำไม่ได้ตามที่พูดตกลงไว้ ทั้งหมดสถาบันการศึกษาต้องเริ่มกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเมืองใหญ่ให้เริ่มจากเด็กก่อน เปรียบเหมือนรูปแบบจำลองแต่มีการปฏิบัติจริง เมื่อจบจากตรงนี้ไปแล้วนักศึกษาต้องมีส่วนที่จะไปร่วมวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล
ขณะที่รัฐบาลก็ไม่ควรที่จะมาดูถูก หรือดูหมิ่นทางความคิดของเด็กนักเรียน นักศึกษา ถ้าหากลองมองภาพลักษณ์ความเป็นจริงแบบเป็นกลางจะรู้ว่าเด็กนั้นไม่มีใครสามารถที่จะชักจูงได้ ยุคปัจจุบันนักเรียน นักศึกษาสามารถเข้าไปค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตก็จะทราบทันที เพราะฉะนั้นบทบาทของนิสิตนักศึกษาควรจะเริ่มตั้งแต่ในรั้วมหาวิทยาลัยตอนนี้เลย เราทำอะไรได้เราลงมือทำ ตราบใดสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ขัดต่อกฎหมาย สิ่งที่นักศึกษาทำได้เมื่อสามารถเปิดให้ชุมนุมในมหาวิทยาลัยโดยที่ไม่ผิดต่อกฎหมาย มหาวิทยาลัยไหนมีเสรีภาพมากก็สามารถทำได้ แต่บางมหาวิทยาลัยอาจมีผู้นำองค์กรที่ไม่เห็นด้วย อย่างที่เห็นในข่าวแบบนี้ ซึ่งก็จะเป็นอุปสรรคต่อการชุมนุมของนักศึกษา โดยมาตรการต่าง ๆ ที่มหาวิทยาลัยและสถาบันศึกษาควรจะมี คือ ไม่ควรไปลงโทษเด็กว่าถ้าชุมนุมจะมีการตัดคะแนนความประพฤติ แต่ควรที่จะเปิดเวทีให้นิสิต นักศึกษาในการแสดงออก
“ผมว่าทุกวันนี้นักเรียน นิสิต นักศึกษามีการระวังตัวเองกันอยู่แล้ว การชุมนุมที่ผ่านมาทำให้ผมมองเห็นเลยว่าบางเรื่องนักศึกษารู้ว่าอะไรที่พูดได้และพูดไม่ได้ อีกประเด็นหนึ่งทีนักศึกษาเสี่ยง คือ การชุมนุมในท้องถนนลงไปยังพื้นที่จราจร ซึ่งขัดต่อกฎหมายแน่นอน แต่สิ่งที่ผมมองและแสดงความคิดเห็นเสมอ คือ การชุมนุมไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเรามีการชุมนุมแบบมามาหยุดหยุด แกนนำมีความเสี่ยงในการดำเนินคดีแน่นอน แต่ถ้ามีการชุมนุมที่ยืดเยื้อจริง ๆ มีการเจรจาและมันจบจริง ๆ อันนี้โอกาสที่แกนนำหรือคนที่ขึ้นไปปราศรัยโอกาสที่จะได้โดนดำเนินคดีก็มีโอกาสอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีการชุมนุมมาแล้วหยุดเสี่ยงอย่างมากนอกจากแกนนำจะโดนดำเนินคดีอาจจะมีข้อหาอื่น ๆ มากมายและความปลอดภัยของผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมด้วยอันนี้ก็อยากที่จะให้ระวัง” อาจารย์รุ่งโรจน์ กล่าว
อ.นิติศาสตร์ ม.หอการค้าไทย กล่าวต่อว่า อาวุธของนักศึกษาปัจจุบัน คือ สื่อโซเชียลมีเดีย เช่น คำพูด ตัวย่อ คือ อาวุธของนักศึกษา ซึ่งเป็นการชุมนุมแบบสันติแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะออกกฎหมายมาควบคุมแล้วให้นักศึกษาอยู่ในกรอบนี้ โดยการชุมนุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการชุมนุมแบบสันติ และนักศึกษาทุกคนจะต้องปลอดภัย