7 ปีที่ พีพีทีวี ของ "ป๊อป วีระพล"


เผยแพร่




ป๊อป - วีระพล เต็มโชติโกศล กับหลากหลายบทบาทบนเส้นทางสายสื่อกีฬา ไม่ว่าจะในฐานะผู้บรรยายฝีปากกล้า หรือพิธีกรรายการกีฬาของพีพีทีวี เขาคนนี้ตั้งใจทำหน้าที่เพื่อผู้ชมของพีพีทีวีมานานกว่า 7 ปี หลังจากที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการสายงานข่าวกีฬามาตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย วันนี้เราไปทำความรู้จัก ป๊อป-วีระพล กับความมุ่งมั่นของเขาบนเส้นทางอาชีพในฝันของใครต่อใครอีกหลายคนกัน

มุ่งมั่นเรียนนิเทศศาสตร์ เพื่อความฝันอยากเป็นนักข่าวกีฬา

ผมเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพราะตั้งใจว่าจะทำงานสายข่าวกีฬา ให้ทำอะไรก็ได้ในสายกีฬา หนังสือพิมพ์ ดีเจ วิทยุ โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งเป็นพิธีกรงานอีเว้นท์ คือทุกอย่างอะไรก็ได้แต่ต้องเกี่ยวกับกีฬา คือตอนที่เลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เราอยากรู้ว่าวิธีการเขียนและทำข่าวเป็นอย่างไร เลยเลือกเรียน วิชาเอกวารสารสื่อสิ่งพิมพ์ และเลือกวิชาโทวิทยุโทรทัศน์ ที่เลือกเรียกเอกวารสารสื่อสิ่งพิมพ์ เพราะตั้งใจว่าจะเรียนเขียนให้เก่ง ถ้าเราไม่รู้วิธีการเขียนข่าว เราก็จะเป็นนักสื่อสารมวลชนที่ดีไม่ได้ แล้วก็ประสบความสำเร็จในมุมที่เราคิดไว้จริง ๆ ทุกวันนี้เวลาทำงาน สิ่งที่เราได้มาจากการเรียนสิ่งพิมพ์ช่วยในการทำงานด้านโทรทัศน์เยอะมาก

เริ่มฝึกงานตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ปี 1

เริ่มฝึกงานครั้งแรกที่ คิกออฟ หนังสือพิมพ์กีฬารายวัน ตั้งแต่อายุ 18 ปี ตอนนั้นอยู่ ม. 6 กำลังเข้ามหาวิทยาลัย ปี 1 โดยส่วนใหญ่องค์กรจะรับนักศึกษาฝึกงานปี 3 ไม่มีใครเขารับปี 1 เพราะทางมหาวิทยาลัยไม่ได้ส่งเราไป แต่เราอยากฝึกงานจริง ๆ ก็ไปขอพี่รอนนี่ โอเพ่น ซึ่งเขาก็ให้โอกาส นั่นเป็นประตูบานแรกตอนอายุ 18 ก็ได้เห็นการทำดัมมี่ของหนังสือพิมพ์ การแปลข่าวของนักข่าว เห็นการถอดคำสัมภาษณ์ของบรรดาคอลัมนิสต์ อันนี้ก็เป็นประสบการณ์แรกตอนอายุ 18 ปี ซึ่งตอนนั้นเพื่อน ๆ หลายคนคงเที่ยวสยามกัน เราไม่มีเวลาเที่ยวกับเพื่อนเลย เราคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จนั้นต้องทุ่มเทกับสิ่งที่ทำจริง ๆ ชีวิตช่วงนั้นเวลานอนของเราคือ 8 โมงเช้า-บ่าย 3 เพราะว่า 5-6 โมงเย็นต้องไปทำงานแล้ว แล้วเข้างานจริงคือ 3 ทุ่ม ถึงตี 5 เป็นเวลาที่ต่างจากคนปกติ หลังจากนั้นก็ฝึกงานเต็ม ๆ กับ หนังสือพิมพ์ Daily Express ของ The Nation ช่วงปี 3 เขาให้ไปเป็นผู้สื่อข่าวกีฬาซึ่งก็เข้าทางเรามาก เพราะมีโอกาสได้ทำข่าวฟุตบอล ข่าวกอล์ฟ ข่าวกีฬาแทบทุกอย่างเลย หลังจากนั้น ช่วงที่ผมเรียนอยู่ปี 4 ก็มีโอกาสได้ไปทำงานกับคลื่นวิทยุ FM 97 ต้องจัดรายการตอนดึก ตอนนั้นก็ลังเลใจว่าจะทำดีไหม เพราะผมตั้งใจจะเรียนให้ได้เกียรตินิยม เราจัดรายการวิทยุตอนตี 2 กลับมาถึงหอตี 5 ก็อ่านหนังสือแล้วก็ไปสอบ ช่วงเวลานั้นคือไม่ได้อยู่กับเพื่อนเลย ไม่ได้ไปเล่นฟุตบอล แต่เราคิดว่าตอนนั้นเราทำเพื่ออนาคต แต่สุดท้ายก็ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 เกรดเฉลี่ย 3.25

ประสบการณ์งานด้านกีฬามาอย่างโชกโชน

ตอนอยู่ FM97 เริ่มจากจัดรายการวิทยุเวลาตี 2 - ตี 4 ก็ขยับมาเป็นเที่ยงคืน – ตี 4 หลังจากนั้นก็ได้ขยับมาเป็น 4 ทุ่มเวลาเริ่มไพรม์ไทม์ขึ้น ทำได้ 2-3 ปี ระหว่างนั้นก็มีโอกาสเข้ามาอีกมากมาย อย่างเช่นไปทำข่าวช่อง 11 ไปจัดรายการให้กับทางคลื่น 91.75 Mass Radio และเป็นพิธีกรให้มหาดไทยชาแนล หลังจากนั้นไป MUTV 2 ปี นี่คืองานหนักจริง ตอนแรกเข้าไปเป็นผู้บรรยาย ใช้เวลาแค่ 2-3 เดือน ก็คือดูแลแทบจะทั้งหมดของ MUTVแล้วก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น MUTV channel Director หลังจากนั้นย้ายไป GRAMMY สั้น ๆ และเลือกไปอยู่ที่ RS ช่วงนั้น มีฟุตบอลโลกด้วยก็เลยรับงานที่ RS หลังจากนั้นก็มาที่ PPTV ถึงวันนี้ก็ 7 ปีแล้วครับ

“แมนฯยู” พ่าย “เวสต์แฮม” ร่วงรอบ 3 คาราบาวคัพ

คอนเทนต์แนะนำ
ลิเวอร์พูล วางศิลาฤกษ์ขยายสนามแอนฟิลด์ สัปดาห์หน้า

จุดเริ่มต้นของการดูฟุตบอล - ฟุตบอลทีมโปรด

ผมเริ่มเชียร์ฟุตบอลตั้งแต่อายุ 5 ขวบครับ ปีแรกที่เชียร์แมนยูฯ คือปี 1992/1993 เชียร์ตามคุณพ่อ พ่อผมรักฟุตบอลมาก ผมก็เลยดูตาม จนเริ่มชอบ แล้วก็รักฟุตบอลมาจนทุกวันนี้ คุณพ่อผมเสียตอนที่ผมอายุ 21 ปี พอถึงรุ่นลูก ผมก็ตั้งชื่อลูกชายคนโตว่า ชิชา มาจาก ชิชาริโต้ นักเตะแมนยูในสมัยก่อน แต่ว่าไม่ได้บังคับลูกว่าต้องเชียร์แมนยูฯ นะครับ ทุกวันนี้ลูกบอกว่าแมนยูฯ แพ้ก็อยากไปเชียร์บาร์เซโลน่าบ้าง อยากไปเชียร์ทีมอื่นบ้าง เราก็ไม่บังคับอยากเชียร์ทีมไหนก็เชียร์ อย่างเดวิด เบ็คแฮม ก็ไม่บังคับลูก ทั้งที่เขาเป็นตำนานของแมนยูฯ แต่ลูกชายเขาอยู่ลอนดอนก็เชียร์อาร์เซน่อล เราไม่ซีเรียส เป็นคนที่ปล่อยลูกฟรีเลยอยากจะชอบอะไร ทุกวันนี้ลูก 6 ขวบ ก็ดูบอลกับเราด้วย หรือนั่งคนเดียวก็ดู สามารถนั่งดูเป็นชั่วโมงไม่ร้องเปลี่ยนเป็นช่องการ์ตูน อีกกีฬาที่ลูกชอบก็คือรถแข่ง มาจากที่เขาดูการ์ตูนเรื่อง CARS จนเก็บไปฝัน รักมาก

แฟนบอลคิดว่าเราเป็นแฟนหงส์

เวลาพากย์ฟุตบอลถ้าเชียร์เข้าข้างแมนยูฯ มากเกินไป คนก็จะว่าเป็นเพราะเราเป็นแฟนแมนยูฯ ทีนี้มันจะมีทริกในการบรรยาย เช่น สมมติว่าแมนยูฯ เจอกับลิเวอร์พูล บางครั้งก็จะพูดชื่อเล่นของทีมลิเวอร์พูลบ้าง เขาก็อาจจะสับสนกันเองว่าเราชอบทีมไหน จะสังเกตได้เลยว่าในคอมเมนต์ของพีพีทีวี จะมีประมาณว่านักพากย์เข้าข้างลิเวอร์พูลแน่ ๆ เลย อีกข้อความนึงก็บอกว่า เฮ้ย ถ้าเข้าข้างแมนยูฯ มากแสดงว่าคุณเป็นแฟนแมนยูแน่เลย ถ้ามีคอมเมนต์ว่าเราจากทั้งสองฝ่าย แสดงว่าเราทำหน้าที่ได้ตรงกลาง จริง ๆ ถ้าเราได้พากย์ฟุตบอลทีมโปรดในปีแรก ๆ ตรงนี้เป็นจุดที่ยาก เราอาจจะเก็บอาการได้ยากมาก ๆ เลยนะ เพราะเวลาทีมโปรดเรายิงเข้าปกติเราก็เฮใช่มั้ย แต่ถ้ามีประสบการณ์พากย์นาน ๆ แล้ว เราจะควบคุมอารมณ์ได้ หลังฟุตบอลจบก็เฮได้

เริ่มต้นการเป็นนักพากย์ฟุตบอลได้อย่างไร

ตั้งแต่เด็ก ๆ ที่บ้านไม่มีใครว่างเล่นด้วยพ่อแม่ทำงานหมดก็ต้องไปอยู่กับยาย เด็กคนอื่นเขาเล่นหุ่นยนต์ แต่เราเล่นเกมกระดาษฟุตบอล เราก็เล่นของเราเองแล้วก็พูดไปด้วยเลียนแบบโทรทัศน์ เราพูดของเราเองจนป้า ๆ น้า ๆ ที่เลี้ยงเราพูดว่า “เนี่ยป๊อปเลียนแบบ ย.โย่งนะ ทำตามโทรทัศน์นะ” มันก็เหมือนเป็นคำพูดที่เราติดปากตอนเด็ก ๆ เป็นสิ่งที่เราไม่คิดว่ามันจะได้มาทำเป็นอาชีพ ทุกวันนี้ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา หาคำพูดใหม่ ๆ ที่ตามเทรนด์หรือแม้กระทั่งเรียนรู้วิธีเล่นฟุตบอล เพราะเราไม่ใช่โค้ช ฉะนั้นเราก็ต้องไปดู Tactic ไม่ใช่ว่าเป็นนักพากย์แล้วพูดอะไรก็ได้ตามที่เราเห็น บางทีผู้สันทัดกรณีหรือว่าโค้ชไม่ได้มองแบบเรา เราก็ต้องไปศึกษาวิธีการใหม่ ๆ ของการเล่นฟุตบอล มันพัฒนาขึ้นทุกวัน เราก็ต้องตามเทรนด์ให้ทัน เป็นนักพากย์ฟุตบอลก็เหมือนเป็นนักข่าวฟุตบอลที่เราต้องตามข่าวใหม่ ๆ ทุกวัน คนทำฟุตบอลก็ต้องรู้ว่าวันนี้มีทีมชาติอะไรขึ้นมาใหม่คือต้องดูทุกวัน ถ้าหายไปเที่ยวทะเลสัก 3 วันคือเราตามไม่ทันละ ไปเที่ยวก็ยังต้องตามตลอด ทำเพราะรัก ทำเพราะมันเป็นสายเลือด

คู่หูในการทำพิธีกร และนักพากย์ที่ดีที่สุด

เยอะมากเลย แต่ถ้าตอนนี้คู่หูที่พากย์ฟุตบอลที่พีพีทีวีแล้วดีมาก ๆ คือ พี่โอ๊ต ศีลพงษ์ คือการเป็นผู้บรรยายคนอาจจะไม่ทราบว่ามันจะมีปาก 1 กับปาก 2 ปาก 1 ก็คือโวยวายเกี่ยวกับเกม ชนเสา ยิงเข้า ส่วนปาก 2 ก็จะคอยให้ข้อมูลว่านักฟุตบอลคนนี้ส่วนสูงเท่าไร วิธีการเล่นฟุตบอลเป็นอย่างไร พี่โอ๊ตแกเป็นคนเก่งมากในการให้ความรู้ในด้านนี้ แล้วเราเป็นคนที่พากย์ฟุตบอลตื่นเต้นอยู่แล้วมันก็เลยกลายเป็นว่าเป็นการจับคู่ที่ดี ส่วนงานด้านพิธีกรก็ถือว่าเข้ากันได้ดีกับ ปาล์ม กุลญา กับคนนี้ปรับตัวไม่เยอะ เราคุยกันว่า รายการ Sport Corner คอนเซ็ปท์มันต้องเป็นอะไรที่กันเอง ในเมื่อเราเชียร์ฟุตบอลกันคนละทีม การได้บลัฟกันมันเป็นสิ่งที่จำเป็น Sport Corner เป็นรายการกีฬาตอนเที่ยง ที่ให้คนได้กินข้าวอร่อยขึ้นแบบทำให้คนได้พักกลางวันมาดูรายการที่ตลกที่มันสนุก เป็นรายการที่เข้าถึงคน เพราะว่าทีวีเดี๋ยวนี้มันห่างจากคนไปเยอะ เพราะว่ารายการออนไลน์ ยูทูบ หรือว่าเฟซบุ๊กสามารถพูดคำไม่สุภาพได้ คำหยาบได้  Sport Corner เมื่อออกทีวีแล้วอาจจะไม่ได้พูดกูมึง แต่อาจจะมีคำอุทานออกไปบ้างเช่น เห้ย ได้หรอ มันอาจจะไม่ทางการ แต่มันเป็นจุดที่ทำให้ Sport Corner ประสบความสำเร็จ และใกล้ชิดกับคนดูมากยิ่งขึ้น

แฟนบอลบอกว่าเราชอบนอกเรื่องจริงหรือเปล่า

เรื่องจริง บางครั้งอาหารถ้าเราลงไปที่เมนคอร์สมากเกินไปก็ไม่ดี ร้านอาหารบางร้านคนไปกินของหวาน ไม่ใช่เพราะของคาว

จริงหรือเปล่า ที่พอคุณย้ายมาอยู่พีพีทีวีแล้วคุณต้องเปลี่ยนตัวเอง

ใช่ครับ เรื่องนี้เรื่องจริงเลย เพราะว่าอยู่พีพีทีวีสองปีแรกคือไม่ใช่ตัวตนของ ป๊อป วีระพล เลย คือล่อฟ้าเกินไป เราไม่ต้องเป็นคนกวนขนาดนั้น แต่เนื่องจากโจทย์ที่ได้มา คือทำให้คนลบภาพการพากย์ฟุตบอลบนทีวีที่สู้วิทยุไม่ได้ เราก็ต้องพากย์ให้สนุก ซึ่ง 2 ปีแรกคือล่อเป้ามาก พากย์ไปแซวนักเตะไป จริง ๆ เราก็ไม่ได้อยากวิจารณ์ขนาดนั้น 2 ปีแรกโดนด่าเยอะมาก เคยไปเดินตลาดแถว ๆ พีพีทีวี หลังจากพากย์ฟุตบอลคู่ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล แล้วเชลซีแพ้ มีคนใส่เสื้อเชลซีมาแล้วมองหน้าแบบนานมากเป็นครั้งที่โดนมองหน้านานที่สุด เหมือนกับเขาเห็นเราเดินมาแล้วจำได้เหมือนเป็นการมองที่ไม่ต้อนรับอย่างแรงเลย แต่ตอนนี้พีพีทีวีคนรู้จักเกี่ยวกับฟุตบอลแล้ว ช่องติดลมบนแล้ว เราก็ลดดีกรีลงมาไม่จำเป็นต้องไปยั่วเขาตลอดเวลา จนตอนนี้กล้าพูดได้เลยว่าเราในรายการ Sport Corner คือตัวตนจริง ๆ เป็นคน ฮา ๆ กวน ๆ แต่การบรรยายฟุตบอล 2 ปีแรกนี่แบบสายล่อฟ้า ไม่ใช่ตัวตนเลย

วิธีการรับมือกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรา

คือจริง ๆ แล้วในจุดนี้ ไม่ว่าอายุเก๋าแค่ไหนบางทีอาจจะรับไม่ได้กับการโดนด่า และก็มีวิธีการรับมือที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่สนใจ บางคนรับไม่ได้ที่โดนด่าบุพการี ด่าพ่อแม่แต่เราเฉย ๆ พ่อแม่ไม่รู้เรื่องหรอก คนด่าก็ไม่รู้เป็นใคร ทำไมต้องไปให้ความสำคัญกับเขา เราให้ความสำคัญกับสถานีที่เราทำงานอยู่ดีกว่า ถ้าเขาอยากให้เราปรับอะไรอันนั้นเราต้องให้ความสำคัญแบบ100% แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ได้มีส่วนอะไรกับเรา ยิ่งเป็นการด่าที่หยาบคายยิ่งไม่ควรที่จะต้องไปให้ราคาเลย

ฝันอยากทำโปรดักชันระดับสากล จนพีพีทีวีได้รับคำชม

ผมมีเพื่อนสนิทชื่อ โดม วรชาติ เจริญพงษ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นโปรดิวเซอร์ ที่พีพีทีวี เราเกิดวันเดียวเดือนเดียวกัน เป็นเพื่อนสนิทที่ทำงานด้วยกันมากว่า 10 ปี เรามีความใฝ่ฝันเหมือนกันว่าจะอยากพัฒนาให้โปรดักชันรายการกีฬาในเมืองไทยให้มันเทียบเท่ากับระดับโลก นี่คือความใฝ่ฝันของเราทั้งสองคน เราจะหา Reference จากรายการต่างประเทศเยอะมาก ๆ เพื่อให้แฟน ๆ พีพีทีวีได้สัมผัสกับความเป็น World Class Sports ซึ่งทีมกราฟิกของพีพีทีวี ทีมสตูดิโอก็พาเราไปถึงจุดนั้นได้ เวลาเราทำรายการหรือฉาก และผู้ถือลิขสิทธิ์ที่ต่างประเทศต้องตรวจ เราจะพยายามไม่ให้ฝรั่งต้องเสียเวลา Approve ให้เราเยอะ จะทำงานไปแบบเขาแทบจะไม่เปลี่ยนอะไรของเราเลย แม้กระทั่งพรีเมียร์ลีกเองยังเคยบอกว่า “ยูเอาถ้วยพรีเมียร์ลีกมาวางไว้ในสตูดิโอไหม เข้านะ” หรืออย่างตอนสัมภาษณ์นักเตะบุนเดสลีกา เขายังชอบฉากของเราเลย โลธาร์ มัทเธอุส เขาชมฉากของพีพีทีวี ซึ่งเราพอได้ยินคำชม รู้สึกภูมิใจมาก คือไม่ใช่แค่ภูมิใจแทนตัวเอง แต่ภูมิใจแทนทีมงานที่ตั้งใจทำเรื่องนี้ คิดว่าเราไม่แพ้ใครในประเทศไทยแน่นอน

เห็นว่าปีนี้พรีเมียร์ลีก น่าจะมันที่สุดในรอบ 10 ปี จริงหรือไม่

ชัวร์ครับ 4 ปีก่อน แมนฯ ซิตี้เคยได้แชมป์ด้วยคะแนน 100 แต้มมาแล้ว 2 ปีก่อนลิเวอร์พูลก็ทำได้ถึง 99 คะแนน ปีนี้อาจยากที่จะได้แบบนั้น แต่จะสนุกมากขึ้นเพราะมีลุ้นเกิน 2 ทีม ปีศาจแดงทีมรักของผมได้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ราฟาเอล วาราน และ เจดอน ซานโช่ มา เชื่อว่าคงสู้กับ เรือใบสีฟ้า สิงห์บูลส์ และหงส์แดงได้สนุกที่สุด

ตั้งแต่ PPTV ถ่ายบุนเดสลีกา เรตติ้งขึ้นมาหลายเท่าตัวเลยหรือ

อันนี้ถือว่าเป็นความภูมิใจของเราเลย จำได้ปีแรกที่เราถ่ายเรตติ้งเฉลี่ยคนประมาณ 300,000-400,000 ต่อให้คู่ใหญ่แค่ไหนก็ไม่เกินนี้ เพราะฟุตบอลอันดับ 1 ของคนไทยคือพรีเมียร์ลีก จากนั้น 3 ปีผ่านไป เราเคยถ่าย บาเยิร์น มิวนิค เจอกับทีมเล็ก ๆ คนดู 920,000 เราก็ตกใจและดีใจมาก มาปีนี้เรตติ้งยังคงเสถียร และมีแฟนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ฟุตบอลบุนเดสลีกา บอลเยอรมัน ยังอยู่กับช่องเราอีก 4 ปี ดูฟรีกันได้ยาว ๆ แถมนักเตะดาวรุ่งของลีกนี้หลายคนเตรียมขึ้นมาเป็นตำนานในอนาคตได้แน่ ทั้ง “โยซัว คิมมิช” บาเยิร์น มิวนิค “เอ็นคุนคู” แอร์เบ ไลป์ซิก “จูด เบลลิ่งแฮม” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ “ฟลอเรียน เวียร์ตซ์” จากเลเวอร์คูเซ่น ต้องมาติดตามกันว่าใครจะเป็นเลเจนด์คนต่อไป

ฝากแฟน ๆ ติดตามผลงานทางพีพีทีวี

ก็ฝากแฟน ๆ ติดตามรายการ Sport Corner ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.45 น. เป็นรายการที่คุณต้องดู ไม่ใช่รายการข่าวกีฬาธรรมดา แต่เป็นรายการที่ใกล้ชิดกับคนดูมากที่สุด มีความเป็นกันเองที่หาที่ไหนไม่ได้ นอกเหนือจากรายการข่าวแล้ว รายการถ่ายสดกีฬาไม่มีที่ไหนเหนือกว่าพีพีทีวี เรามีฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฟุตบอลบุนเดสลีกา โมโตจีพีแบบถูกลิขสิทธิ์ที่หาดูที่ไหนไม่ได้ และยังมีกีฬาอีกมากมายให้แฟน ๆ ได้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลไทยลีก มวยชิงแชมป์โลก วอลเลย์บอล และกีฬาอื่น ๆ ที่แวะเวียนกันมาให้ทุกคนได้รับชมอีกมากมายครับ

TOP ประชาสัมพันธ์
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ