หลายคนคงนึกไม่ออกว่า “สภาวะการเตรียมตัวตาย” เป็นอย่างไร แต่เชื่อแน่ว่าหลายครอบครัวคงเคยได้ประสบภาวะนี้ อึดอัด สับสน เสียใจ กังวลใจ คำเหล่านี้อาจแทน “ความรู้สึก”จริงที่เกิดขึ้นได้ไม่หมด โดยเฉพาะในส่วนของญาติ ผู้ใกล้ชิดที่ต้องดูแล ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ที่รู้แน่ชัดว่าปลายทางของคนที่เรารักจะอยู่ที่ไหน “จะให้ไปที่ไหน ที่โรงพยาบาล หรือที่บ้าน” คำถามนี้อาจดูโหดร้าย แต่ ณ วันนี้ นี่กลับเป็นคำถามที่เป็นทางเลือก และเชื่อแน่ว่าหลายคนเลือกที่จะให้ตัวเอง และคนรัก มีชีวิตปลายทางสุดท้ายที่บ้าน
ศ.นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวว่า การดูแลคนไทยตั้งแต่เกิดถึงเสียชีวิต เป็นนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อผู้ป่วยอยู่ในขั้นที่โรคถึงจุดคุกคามถึงชีวิต รักษาไม่ได้แล้ว การดูแลรักษาแบบประคับประคองจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่จะต้องดูแลทั้งกาย จิตใจ และสังคม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการซับซ้อน มีภาวะวิกฤต และคุกคามต่อชีวิต โดยสถิติมีผู้ป่วยแบบประคับประคองและผู้ป่วยระยะท้าย ซึ่งครอบคลุมถึงโรคมะเร็งและโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายที่นอนในโรงพยาบาลมากถึง 52.13%
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาก็พบว่า ปัญหาของการนำผู้ป่วยระยะสุดท้ายกลับบ้าน ที่สำคัญคือความไม่พร้อมเรื่องของอุปกรณ์การดูแลช่วยชีวิต และการฝึกหัดให้คนใกล้ชิดดูแลผู้ป่วย ทางคณะแพทยศาสตร์ มช.ในฐานะที่เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตจังหวัดภาคเหนือ จึงมีแนวคิดที่จะสร้างศูนย์ดูแลผู้ป่วยประคับประคองและระยะท้าย (CMU Palliative Care Center) หนึ่งคือเป็นที่สำหรับการเรียนรู้การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และที่สำคัญคือจะมีธนาคารอุปกรณ์ เพราะพบว่าปัญหาสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยระยะท้ายไม่สามารถกลับไปดูแลรักษาต่อที่บ้านได้ คือการขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นที่จะต้องใช้ในการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน เช่น เครื่องผลิตออกซิเจน เครื่องวัดออกซิเจน เครื่องดูดเสมหะ ที่นอนลม และเตียงนอน ที่มีราคาสูง
ขณะที่ ศูนย์การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองระยะท้ายและระยะท้าย จะเป็นอาคาร 4 ชั้น ซึ่งประกอบด้วย หน่วยตรวจผู้ป่วยนอกแบบประคับประคอง ,หน่วยประสานงานการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง ,หอดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง และธนาคารอุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องด้วยการก่อสร้างอาคารและจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ จะต้องใช้งบประมาณถึง 109 ล้านบาท มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้างศูนย์การดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองระยะท้ายและระยะท้าย ด้วยการบริจาคทุนทรัพย์และอุปการณ์ทางการแพทย์ ได้ที่มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก โทร. 053-938400 หรือ โอนเงินผ่านธนาคาร ชื่อบัญชี มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาคณะแพทยศาสตร์ เชียงใหม่ เชียงใหม่ เลขที่บัญชี 405-9-78590-2และ ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุเทพ เชียงใหม่ เลขบัญชี 471-2-33333-8 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มช. โทร.053-935671-2