ซึ่งเหตุผลที่ กองทุน BBASIC สามารถจ่ายเงินปันผลท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นได้ก็เพราะกองทุนนี้ลงทุนในหุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 คือ ยา อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัย ซึ่งสามารถปรับตัวให้ตามทันนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ที่สำคัญที่ผ่านมามีแนวโน้มของคนเมื่อมีรายได้ดีขึ้นก็จะ “กินดี อยู่ดี ดูดี สุขภาพดี” พฤติกรรมการบริโภคและไลฟ์สไตล์ก็ต้องเปลี่ยนไปมีความพิถีพิถันมากยิ่งขึ้นทำให้สินค้า บริการที่เป็นปัจจัย 4 จะต้องปรับปรุงคุณภาพในแง่การสร้างมูลค่าเพิ่มไปด้วย (value-added)
โดยเรื่องนี้ มุมมองของนักลงทุนกองทุนบัวหลวงต่อหุ้นกลุ่มนี้ เชื่อว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำลังซื้อของประชาชน ราคาสินค้าเกษตรที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ราคาข้าว หรือราคายาง จะช่วยทำให้การบริโภคโดยรวมในประเทศมีการเติบโต ขณะที่กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลปีที่ผ่านมาชาวต่างชาติเข้ามาใช้บริการน้อยลง แต่ในปีนี้น่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ตามแนวโน้มของการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมที่มีการเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม จะยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค เช่นเดียวกับ ทาวน์เฮาส์ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายในตลาดระดับรอง (second tier) ก็จะไปได้ดี เพราะบางคนคิดว่า การซื้อทาวน์เฮาส์ในระดับราคาเดียวกันกับคอนโดมีเนียม แม้ว่าจะอยู่ไกลออกไปบ้าง แต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า ส่วนเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่มย่อมเติบโตได้ดีเช่นกัน ดังนั้น เมื่อกำลังซื้อดีขึ้น ผู้บริโภคต้องใช้จ่ายในส่วนนี้เป็นอันดับแรกอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม BBASIC ถือเป็นกองทุนหนึ่งที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยที่ผ่านมาจ่ายปันผลซึ่งรวมครั้งนี้แล้วประมาณ 8.25 บาทต่อหน่วยฯ ผู้สนใจสามารถติดต่อลงทุนกองทุน BBASIC ได้ที่ กองทุนบัวหลวง โทร. 0 2674 6488 กด 8 หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ตัวแทนขายของกรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บมจ.หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) และบมจ. หลักทรัพย์ ภัทร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส หรือติดตามข้อมูลลงทุนได้ที่ www.bblam.co.th และ BF Application
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต