“เปรมชัย” ใช้ข้ออ้าง “อยู่ห่างจุดยิง” ต่อสู้คดี “ล่าเสือดำ” จนศาลยกฟ้อง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กรณีศาลจังหวัดทองผาภูมิ มีคำพิพากษาจำคุก 16 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ‘นายเปรมชัย’ ในคดีล่าสัตว์ป่า แต่เมื่อเปิดเผยข้อหาที่ถูกตัดสิน พบว่า ‘นายเปรมชัย’ ไม่ได้ถูกตัดสินให้มีความผิดใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตายของเสือดำ ผู้สื่อข่าวพีพีทีวี ตรวจสอบพบว่า ฝ่าย ‘นายเปรมชัย’ ต่อสู้คดีด้วยการระบุตำแหน่งว่าไม่อยู่ในจุดเกิดเหตุฆ่าเสือดำ จึงทำให้พ้นข้อหานี้ ซึ่งหมายความว่า อาจต้องมีพยานบุคคลอื่น มาช่วยสนับสนุนตำแหน่งที่อยู่ เพราะเป็นข้ออ้างที่ต่างจากข้อความในบันทึกการจับกุม

วันนี้ (19 มี.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด จำเลยในคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก กล่าวระหว่างถูกสื่อมวลชนเข้าตั้งคำถาม หลังศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิพากษา จำคุก 16 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ระว่า “ขอโทษครับ” แต่คงไม่สามารถบอกได้ว่า คำดังกล่าวของนายเปรมชัย มีความหมายอย่างไร เพราะหลายคนตีความ อาจเป็นเพียงคำกล่าวเพื่อขอเปิดทางไปขึ้นรถส่วนตัว หลังศาลอนุญาตให้ประกันตัว ปล่อยตัวชั่วคราวไปสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ด้วยหลักทรัพย์ 400,000 บาท โดยมีเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกราชณาจักร เว้นแต่ศาลจะอนุญาต

คุก 16 เดือน!! "เปรมชัย กรรณสูต"

โดยนายเปรมชัย ถูกฟ้อง 5 ข้อหา ถูกตัดสินว่ามีความผิด 3 ข้อหา คือ พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน เป็นผู้สนับสนุนให้มีการล่าสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โทษจำคุก 8 เดือน และร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งระบุว่าเป็น “ไก่ฟ้าหลังเทา” โทษจำคุก 2 เดือน รวมมีโทษจำคุก 16 เดือน ไม่รอลงอาญา ส่วน 2 ข้อหา ที่ยกฟ้อง คือ ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งหมายถึงซากเสือดำ และร่วมกันเก็บหาของป่าในป่าสงวนแห่งชาติ 2 ข้อหานี้ นายเปรมชัย ไม่มีความผิด แต่จำเลยที่ 2 3 และ 4 คือ นายยง โดดเครือ คนขับรถของนายเปรมชัย นางนที เรียนแสน แม่ครัวที่ทำอาหารจากซากสัตว์ป่า และนายธานี ทุมมาศ นายพราน ถูกตัดสินฐานครอบครองซากเสือดำด้วย โดยเฉพาะนายธานี ซึ่งถูกระบุว่าเป็นคนยิง ถูกตัดสินมีความความผิดในข้อหาพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพิ่มมาด้วย

ทั้งนี้แม้นายเปรมชัย จะถูกศาลตัดสินจำคุก 16 เดือน แต่มีประเด็นที่เป็นข้อสงสัยคือ ในจำเลยทั้ง 4 คน มีนายเปรมชัยเพียงคนเดียว ที่ถูกตัดสิน “ยกฟ้อง” ในข้อหาร่วมกันครอบครอง ซากเสือดำ ผู้สื่อข่าวพีพีทีวีตรวจสอบพบว่า นี่เป็นประเด็นที่นายเปรมชัยต่อสู้ โดยอ้างว่า ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุยิงเสือดำ จึงไม่รู้ว่า เพื่อนร่วมคณะ คือ จำเลยที่ 2 – 4 นำซากสัตว์อะไรกลับมาบ้าง

 

สำหรับในสำนวนการต่อสู้คดี นายเปรมชัยอ้างว่า เขาได้ไปยังจุดที่เรียกว่า “เซซาโว้” ซึ่งเป็นชื่อเรียกที่ตั้งหน่วยพิทักษ์ป่า ลึกเข้าไปห่างจากจุดตั้งแคมป์ของคณะอีกประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งในชั้นเบิกความฝ่ายจำเลย เชื่อว่า อาจจะมีพยานบุคคลอื่น ที่ช่วยระบุตำแหน่งที่อยู่ของนายเปรมชัย มากกว่าบุคคลที่เป็นจำเลยด้วยกัน ทำให้คำให้การมีน้ำหนักมากพอที่ศาลรับฟังว่า นายเปรมชัยไม่อยู่ในจุดเกิดเหตุขณะยิงเสือดำ เพราะข้อมูลนี้ ขัดแย้งกับบันทึกการจับกุมที่เจ้าหน้าที่ใช้เป็นหลักฐาน

ขณะที่บันทึกจับกุม ตรวจยึด ที่ผู้บันทึกคือ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ลงรายละเอียดไว้ในระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ. 2561 คือวันที่พบคณะนายเปรมชัย ตั้งแคมป์อยู่ริมห้วยปะชิ ซึ่งได้ยินเสียงปืนหนึ่งนัดเวลา 14.00น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ตรวจพบนายเปรมชัย นางนที และนายยงค์ จำเลยที่ 1 2 3 แต่ไม่พบนายธานี จำเลยที่ 4 ซึ่งถูกระบุว่าเป็นนายพราน และได้ยินเสียงปืนอีก 1 นัด ในเวลาประมาณ 16:30 น. ก่อนไปพบนายธานี กำลังเล็งปืนไปบนยอดไม้ ในบันทึกได้เขียนไว้ว่า หลังพบนายธานี ได้ 10 นาที นายเปรมชัย ขับรถออกจากแคมป์ เพื่อไปพบนายวิเชียร แต่วันนี้ ฝ่ายพยานโจทก์ คือเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ยังไม่พูดถึงรูปคดีใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะยังรอดูท่าทีของฝ่ายจำเลยในการยื่นขออุทธรณ์ และพร้อมยื่นหลักฐานสู้ ด้านนายวิเชียร ให้สัมภาษณ์หลังรับทราบคำพิพากษาว่า พอใจคำตัดสิน ซึ่งสามารถทวงความยุติธรรมให้สัตว์ป่าได้ แม้ผู้กระทำผิด จะเป็นบุคคลที่มีฐานะทางการเงินสูงก็ตาม

ย้อนคดี "เสือดำ" ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร และเปรมชัย

ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่รับผิดชอบคดีเกี่ยวกับทรัพากรธรรมชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดคำพิพากษา ทราบเพียงว่า ศาลสั่งจำคุกนายเปรมชัยกับพวก จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะตำรวจหมดหน้าที่ตั้งแต่ส่งสำนวนให้อัยการ และอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของศาล แต่ก็ ยอมรับว่า คำพิพากษาของศาล ที่ระบุว่านายเปรมชัยมีความผิดจริง ทำให้รู้สึกโล่งใจ เพราะโอกาสที่นายเปรมชัยจะฟ้องกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีน้อยลง และย้ำว่า การทำคดีนี้ ไม่ได้คำนึงถึงกระแสสังคม เพราะตำรวจทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า นายเปรมชัยและพวก ยังมีความผิดอีกหลายคดี เช่น คดีครอบครองงาช้างและอาวุธปืน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งสำนวนไปแล้ว ส่วนคดีติดสินบนเจ้าพนักงาน จะตัดสินในเดือนมิถุนายน ส่วนผู้ที่โพสต์ข้อความวิจารณ์การทำงาน หากไม่เกินเลยก็ไม่ติดใจ แต่ถ้าหากเกินเลย ก็คงต้องขอรักษาสิทธิ

TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ