นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ 22 มี.ค.พรรคได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่สนามกีฬาเทพหัสดิน เริ่มตั้งแต่ 17.00 น.เป็นต้นไป ภายใต้ชื่องาน "เปิดใจประชารัฐ ร่วมใจประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียว" ซึ่งจะเป็นการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายของพรรค ทั้งนี้จะมีเซอร์ไพรส์อะไรหรือไม่อย่างไรต้องขอให้อดใจรอ เพราะหากเป็นเซอร์ไพรส์ก็ต้องห้ามบอกก่อน แต่ตอนนี้ตนเองยังไม่สามารถบอกอะไรได้
ทั้งนี้เป็นเพราะต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจก่อนหรือไม่นั้น นายอุตตม กล่าวว่า กิจกรรมใดที่เกี่ยวข้องกับพล.อ.ประยุทธ์ ท่านจะเป็นคนตัดสินใจเองทั้งหมด ส่วนจะได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีในวันพรุ่งนี้หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดตายตัว แต่เนื้อหาเวทีจะเป็นการที่จะสื่อสารในลักษณะเปิดใจกับพี่น้องประชาชนว่าทำไมพรรคพลังประชารัฐถึงมาอยู่ ณ จุดนี้ และทำไมควรได้รับการไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน
นายอุตตม ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดทนายกฯของพรรค โดยระบุว่า รู้สึกสบายใจ ที่ กกต.ได้ เคลียร์เรื่องนี้ให้สังคมรับรู้แล้วก็เป็นสิ่งที่ดี
ส่วนกระแสพรรคในขณะนี้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้สมัครของเรามีกำลังใจดีมาก ดังนั้นช่วงโค้งสุดท้ายก็จะทำให้เต็มที่ สำหรับที่มีการประเมินว่า พรรคอยู่ในลำดับที่ 2 ที่ 3 พรรครับฟังแต่ขอให้รอดู วันที่ 24 มี.ค.เพราะเราเชื่อว่านโยบายพรรคตอบโจทย์ประชาชน
เมื่อถามว่าจุดยืนของพรรคจะให้พรรคการเมืองอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือ พรรคใดที่ไปรวบรวมเสียงได้เกินครึ่ง ซึ่งอาจจะมากกว่า 1 พรรคก็ได้ ก็สมควรที่จะมีสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล
"การเลือกตั้ง คือการฟังเสียงของประชาชนทั้งหมดที่ออกมาใช้สิทธิ พรรคต่างๆก็จะได้รับเสียงจากประชาชนที่ต่างกัน ถ้าเรายึดหลักการนั้นแล้ว เสียงนั้นจึงสำคัญที่สุด เมื่อพรรคไหน หรือ กลุ่มไหน ที่รวบรวมเสียงได้อันดับ 1 ก็ควรจัดตั้งรัฐบาลก่อน ซึ่งถือเป็นกติกา ก็ควรจะเดินตามนั้น"นายอุตตมกล่าว
นายอุตตม กล่าวต่อว่า ส่วน ส.ว.สรรหา นั้นต้องให้เกียรติ อย่าไปปรามาส ว่าจะเลือกแบบไหนหรือ อย่างไร เพราะท่านมีความคิดเห็นของท่านเอง และตัดสินใจด้วยตัวเอง เนื่องจากการโหวตตอนนั้นคนไทยจะเห็นทั้งประเทศ
ส่วนแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกับพรรคใดในเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คงต้องรอให้ผลการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.ออกมาก่อน ซึ่งตนเชื่อว่าหลังจากนั้นจะมีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยพิจารณาจากผลการเลือกตั้งเป็นสำคัญ และหากพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำ พล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจร่วมตัดสินใจด้วย
