นักวิชาการ ชี้ ถ้า“พลังประชารัฐ”มีเสียงปริ่มน้ำ อาจไม่โหวตนายกฯ “รัฐบาลลุงตู่-คสช.”อยู่ยาว


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ถอดสูตรเลือกนายกรัฐมนตรี นักวิชาการ ชี้ ถ้าพรรคพลังประชารัฐ มีเสียงแค่ 250 อาจไม่ยกมือโหวตเลือกนายกฯ จนกว่าจะได้เสียงเกินกว่าส.ส.จำนวนมากกว่าเสียงปริ่มน้ำ รัฐบาลชุดนี้ พร้อม คสช.ก็จะอยู่ต่อ เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กำหนดระยะเวลาเลือกนายกฯ

ดร. สติธร ธนานิธิโชติ ผอ.สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า  กล่าวถึงขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีว่า ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบหลังเลือกตั้งเสร็จนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นใครเพราะผลคะแนนการเลือกตั้งยังไม่นิ่ง และ ทราบเพียง 94 เปอร์เซ็นต์ คะแนนอีก 6 เปอร์เซ็นต์สามารถพลิกได้อีกมากมาย ที่จับมือกันว่าได้ 250 ที่นั่ง ไม่แน่ว่าตัวเลขจริงจะเปลี่ยนหรือไม่ เพราะมีการคำนวนว่าคะแนนที่เหลือ 6 เบอร์เซ็นต์ มีประมาณล้านคะแนน ถ้าเอา 6 หมื่นไปหาร ก็สามารถขยับได้ถึง 16-17 ที่นั่ง และผลการเลือกตั้งก็เห็นได้ชัดว่าพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเกินจำนวนส.ส.ที่พึงมีไปเยอะ ทำให้ตัวหารไม่นิ่ง

ส่วนที่ 6 พรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย ต้องการส่งสัญญาณว่า ที่จับมือกัน คือ ส.ส.เกิน 250 ที่นั่ง หรือ เกินครึ่งในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตามระบอบประชาธิปไตยปกติ เมื่อได้ส.ส.เกินครึ่งก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่รัฐบาลธรรมนูญในฉบับปัจจุบัน มีบทเฉพาะกาล โดย 5 ปีแรก ต้องมีส.ว.250 เสียง

ซึ่งทำให้พรรคการเมืองเสียงข้างมาก ต้องฝ่าด่านการโหวตนายกรัฐมนตรีค่อนข้างยาก ฉะนั้นการผนึกกำลังในวันนี้ เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคการเมืองที่ยังไม่แสดงจุดยืน ว่า เราต้องรวมกันเพื่อให้ได้เสียง 376 ที่นั่ง เพื่อปิดสวิตส.ว. ตามที่พรรคอนาคตใหม่เคยระบุไว้  แต่ก็จะได้รัฐบาลผสม 24 พรรค ซึ่งบริหารประเทศไม่ง่าย นอกจากนี้ เป็นส่งสัญญาณไปยังส.ว. ว่า เขาเป็นเสียงข้างมากให้เคารพเสียงประชาชน และ ป้องกันงูเห่า ด้วย

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ที่จับมือกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย และ พรรคประชาชนปฏิรูป ทางกลไกรัฐธรรมนูญได้เอื้อให้ได้เปรียบในการเลือกนายกฯ แต่ถ้ามารวมเสียงตั้งรัฐบาลก็ออกมาในรูปแบบเดียวกันกับเพื่อไทย คือ รัฐบาลผสม 20 พรรค ดังนั้นต้องการนำพรรคที่อยู่ตรงกลางเอามาให้หมด จะได้กว่า 250 เสียง เพราะพลังประชารัฐ เลือกนายกฯนั้นไม่ยาก แต่จะตั้งรัฐบาลค่อนข้างยาก ถ้าไม่อาศัยงูเห่า

“ถ้าเพื่อไทยต้องการคะแนนเสียง 376 ส.ส.ขึ้นไป ต้องยอมแลกของที่มีค่าให้กับพรรคการเมืองที่ยังไม่ตัดสินใจ และเป็นสิ่งที่พลังประชารัฐไม่สามารถให้ได้ นั่นคือ ตำแหน่งนายกฯ เพราะเชื่อว่าตำแหน่งอื่นพลังประชารัฐให้ได้หมด ยกเว้นเก้าอี้นายกฯ ที่ต้องเป็นของพล.อ.ประยุทธ์ ”

ดร. สติธร กล่าวอีกว่า กลุ่มที่มีพลังมากที่สุดของเพื่อไทย คือ พรรคภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ และ ต้องมาทั้งคู่ จึงทำให้การปิดสวิต ส.ว.เป็นไปได้ค่อนข้างยาก แม้เพื่อไทยจะยื่นตำแหน่งสำคัญให้ก็ตาม เพราะประชาธิปัตย์ ยืนยันชัดเจนมาตลอดว่าไม่จับมือกับเพื่อไทย

“ถ้าเพื่อไทย มอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทางภูมิใจไทยก็ถามว่าเขาจะได้อะไร เมื่อนาย อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรค ไม่ได้เป็นนายกฯเขาก็สามารถเลือกที่จะไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐก็ได้ หรือ ถ้าให้ตำแหน่งนายกฯแก่นายอนุทิน ประชาธิปัตย์ ก็ต้องบอกว่า ไปอยู่กับฝั่งโน้นอาจดีกว่า เพราะประกาศมาตลอดว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย ดังนั้นในทางตัวเลขอาจเป็นไปได้ แต่ในทางจุดยืนเป็นเรื่องที่ยากมาก ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนจึงบอกว่า ควรเอาเสียงประชาธิปัตย์ไปรวมกับพลังประชารัฐ เป็นการปิดประตู 376 ของเพื่อไทย”   

ดร. สติธร ยังวิเคราะห์ด้วยว่า “ถ้าพลังประชารัฐ มีเสียงในสภาเกินครึ่ง แต่ปริ่มน้ำเขาก็ไม่อยากได้นายกฯ เพราะเห็นอนาคตว่าต้องเป็นรัฐบาลที่ถูกต่อรองอำนาจคงอยู่ไม่ได้นาน เขาอาจจะเลือกไม่ยกมือให้ใครเลย อาจ รอจนมีเสียงส.ส.เกิน 250 เสียงไปเยอะๆ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดการเลือกนายกฯต้องเสร็จเมื่อไหร่ จึงทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันมีอำนาจเต็มทำงานต่อไปเรื่อยๆ มี ม.44 อยู่ด้วย คสช.ก็ยังอยู่ เพราะ คสช.จะหมดวาระก็ต้องมีรัฐบาลชุดใหม่ สิ่งที่หลายคนพูดว่า เดดล็อก ก็คือตรงนี้ ดังนั้นถ้าไม่มีใครยอมใครการตั้งรัฐบาลก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าผ่านไปหลายเดือนก็จะทำให้มีการเรียกร้องให้นักการเมืองต้องหันหน้ามาคุยกัน สุดท้ายก็ทางออกคือรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งต้องถามว่ารัฐบาลแห่งชาติ ใครจะเป็นนายกฯ”

คลิกที่นี่>>>“นักวิชาการ” ชี้ การเมืองไทยใกล้ถึง “ทางตัน” หลัง “พท. – พปชร.” ชนะไม่เด็ดขาด

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ