หนึ่งในระบบขนส่งสาธารณะหลักประเทศไทย โดยเฉพาะคนกรุงกว่า 50% ที่ต้องใช้บริการ รถเมล์ ด้วยราคาค่าโดยสารที่ถูกกว่าการใช้บริการสาธารณะประเภทอื่นๆ ทำให้การใช้บริการรถเมล์ สูงถึง 5,200,000 เที่ยว/วัน โดยรถเมล์ของไทยได้ถูกพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังประสบปัญหา ทั้งเครื่องหยอดเหรียญ Cash Box หรือ เครื่องอี-ทิคเก็ต
จนล่าสุด ขสมก.ได้มีการทดลองโครงการนำร่องการรับชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสด กับ รถเมล์สาย 510 ให้สามารถชำระค่าโดยสารผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้ง 3 ประเภท, การจ่ายด้วยบัตรเดบิต และบัตรเครดิต, จ่ายด้วยระบบ QR Code ของทุกธนาคาร และวิธีที่การชำระค่าโดยสารด้วยบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ของ ขสมก. ซึ่งมีผู้โดยสารใช้บัตรเติมเงินชำระค่าโดยสารแล้ว 4,000 คน จากผู้โดยสารที่ใช้บริการสาย 510 จำนวน 38 คัน มีประมาณ 10,000 คนต่อวัน และมีผู้โดยสารใช้บริการรถเมล์ ขสมก. 1,200,000 คนต่อวัน
ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ผู้โดยสารที่ยังไม่พร้อม ขสมก. อนุโลมให้จ่ายค่าโดยสารด้วยเงินสดได้ เพื่อให้ผู้โดยสารปรับตัวเรียนรู้ระบบ จากนั้นพยายามปรับให้เป็น 100% หากการทดลองช่วง 2 เดือนนี้ประสบความสำเร็จ จะขยายผลนำไปใช้กับสายอื่นๆ ต่อไป เพราะอนาคต ขสมก. จะไม่มีพนักงานเก็บค่าโดยสาร และต้องเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มตัว ซึ่งผู้ใช้บริการบางคน บอกว่า การเปลี่ยนมาเป็นรูปแบบนี้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
แต่ก็ยังมีผู้ใช้อีกหลายรายที่มองว่าอาจเกิดปัญหากับผู้ที่ไม่ได้ใช้บริการสาย 510 เป็นประจำ หรือมีความจำเป็นต้องใช้บริการเร่งด่วน แต่ต้องใช้ระบบจ่ายค่าโดยสารแบบไร้เงินสด ซึ่งการทดสอบวันแรกมีผู้ใช้บริการจำนวนมากไม่เข้าใจระบบ จนต้องเดินลงจากรถและไปเลือกใช้บริการอื่นๆแทน รวมถึงการบังคับให้ซื้อบัตรเติมเงินในราคา 40 บาท แล้วไม่ได้ใช้บริการอีกจะต้องไปติดต่อกับธนาคารกรุงไทยเพื่อขอเงินคืนจะมีความยุ่งยาก ด้านนายตรวจประจำท่ารถบอกว่า ในช่วงแรกคงต้องให้มีการประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงมากยิ่งขึ้น รวมถึงการผ่อนปรนให้ผู้โดยสารสามารถจ่ายค่าโดยสารด้วยเงินสดก่อน เพื่อให้ผู้โดยสารได้มีทางเลือกในการใช้บริการ
การพัฒนาขนส่งมวลชนของไทยให้เป็นระบบขนส่ง 4.0 ได้ คงต้องอยู่ที่การพัฒนาระบบให้มีเสถียรภาพ รวมถึงการปรับตัวเรียนรู้เข้าหาเทคโนโลยีของพี่น้องประชาชน
ขสมก. นำร่องรับค่าโดยสารแบบไร้เงินสด