หลังจากที่กลายเป็นข่าวสังคมให้ความสนใจมาก กรณีการนำร่างของ น้องไอนส์ เด็กหญิงอายุ 2 ขวบ ที่เสียชีวิตจากอาการเนื้องอกในสมอง ส่งไปแช่แข็งด้วยเทคโนโลยี "ไครออนิกส์" ที่สหรัฐฯ โดยพ่อแม่ของน้องไอนส์ หวังว่าเทคโนโลยีในอนาคต จะช่วยให้ลูกสาวฟื้นคืนชีวิตกลับมาอีกครั้ง
โดยศาสตราจารย์นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า เทคโนโลยีการแช่แข็งนั้นโดยทั่วไปจะใช้กับการแช่แข็งเซลล์สิ่งมีชีวิตแบบเซลล์เดียวเท่านั้น เช่น การแช่สเปิร์ม แช่แข็งไข่ หรือแช่สเปิร์มและไข่ที่มีการผสมแล้วแต่ยังไม่พร้อมนำมาผ่านกระบวนการตั้งครรภ์ จึงนำมาแช่แข็งไว้รอเวลาสัก 10-20 ปี
แต่การแช่แข็งร่างกายมนุษย์ตามเทคโนโลยีที่สหรัฐอเมริกาใช้นั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เพราะยัง ไม่พบการฟื้นคืนชีพได้ ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีงานวิจัยที่พิสูจน์ว่าทำได้จริง
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถือเป็นสิทธิของแต่ละคนซึ่งไม่ผิด เพราะไม่ได้กระทบกับใคร แต่การแช่แข็งร่างกายมนุษย์นั้น ต้อง ดูว่าเซลล์สมองยังมีชีวิตหรือไม่ สิ่งสำคัญคือ แกนสมองต้องไม่ตาย หากแกนสมองตาย ทางการแพทย์ถือว่าสมองหยุดการทำงานและบุคคลนั้นได้เสียชีวิตลงแล้ว
คุณเสถียร วิริยะพรรณพงศา ได้สัมภาษณ์พิเศษ เจาะใจ ดร.สหธรณ์ เนาวรัตน์พงษ์ คุณพ่อของน้องไอนส์ กับการตัดสินใจครั้งนี้