ไม่ต้องหันไปดูที่พรรคไหน เพราะชัดที่สุดอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ต้องย้อนไปว่า ตอนหาเสียงขณะนั้นแม่ทัพที่ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ชูธง ไม่ร่วมกับ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
แต่หลังการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยวางตัวเองไว้ในสถานะพรรคอันดับสอง และหวังที่นั่งมากกว่า 100 กลับฝันสลาย กลายเป็นพรรคอันดับ 4 แพ้พรรคเพื่อไทย อาจไม่แปลกเพราะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่แพ้ทั้งพลังประชารัฐ และ อนาคตใหม่ ซึ่งเป็นสองพรรคใหม่
ทำให้ “อภิสิทธิ์” ต้องแถลงลาออกทันที ในวันเลือกตั้ง
“อภิสิทธิ์” แถลงลาออก แสดงความรับผิดชอบ
ต้องบอกว่าในพรรคประชาธิปัตย์นั้น มีความเห็นเป็นสองทาง ทางหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ที่เคยร่วมกับ กปปส. ต่างเห็นไปในทางเดียวกันว่าควรร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุน “ประยุทธ์” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีต่ออีกสมัย
แต่อีกฝั่งก็เห็นว่าควรยึดหลักการ ที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ โดยกลุ่มนี้มี “ชวน หลีกภัย” เป็นแกนนำทางความคิด นอกจากนี้ยังมี ทั้ง ส.ส. รุ่นใหม่ และอดีตผู้สมัครจำนวนหนึ่ง
และเมื่อยังไม่มีหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค จึงไม่มีใครพูดได้ชัดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไปทางไหน
“อภิสิทธิ์” ย้ำ “หมดเวลาเกรงใจ”มั่นใจ ปชป.เป็นทางออกวิกฤตประเทศหลังเลือกตั้ง 62
หย่าศึก !! “ชวน” ชี้ ให้กก.บห.ชุดใหม่ ตัดสินใจ ทิศทางพรรค
หากดูตัวผู้สมัครวันนี้จะเห็นว่ามี 4 คน คือ 1.กรณ์ จาติกวณิช 2.อภิรักษ์ โกษะโยธิน 3.พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค และ 4.จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์
หากเช็คจุดยืน ก่อนหน้านี้จะเห็นว่า “กรณ์” หากได้เป็นน่าที่จะนำประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุน “ประยุทธ์”
ส่วน “อภิรักษ์” ก็ประกาศว่าจะร่วมรัฐบาล แต่ไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรี
“พีระพันธ์” ถึงขณะนี้น่าจะชัดว่าเขาพร้อมจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุน “ประยุทธ์”
ขณะที่ “จุรินทร์” ผู้อาวุโส มีความเป็นไปได้สูงว่าจะไปแนวทางเดียวกับ “ชวน หลีกภัย” คือรักษาอุดมการณ์ และหลักการของพรรคเอาไว้
ทั้งหมดถือเป็น “เบอร์ใหญ่” รุ่นเก๋า ของพรรคทั้งสิ้น “จุรินทร์” ถือเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของพรรค
“กรณ์” ก็เคยเป็นขุนพลเศรษฐกิจยุค “อภิสิทธิ์”
“พีระพันธ์” เคยเป็นอดีตผู้พิพากษาหนุ่ม ยุควิกฤตตุลาการ เป็นมือกฎหมายมากความสามารถ และเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ส่วน “อภิรักษ์” เคยเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เคยสร้างกระแสฟีเวอร์มาแล้ว
แต่การคัดเลือกครั้งนี้อาจจะไม่ได้อยู่ที่ใครเคยเป็นอะไร หากอยู่ที่จุดยืนทางการเมือง ว่าต้องการที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างไรต่อจากนี้
ว่ากันว่านาทีนี้เหลือลุ้นแค่สองคนคือ “จุรินทร์” และ “พีระพันธ์”
เดือด! ชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ “จุรินทร์-พีระพันธุ์” คะแนนสูสี
“จุรินทร์” มีภาพลักษณ์ของ “ชวน หลีกภัย” อยู่ข้างหลัง มีความเป็นได้ว่าอาจยึดหลักการ ส่วน “พีระพันธ์” มีผู้สนับสนุนอย่าง “ถาวร เสนเนียม” และแนะนอนว่าภาพของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ซ้อนอยู่จางๆทางด้านหลัง
แต่การเลือกครั้งนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะประตูใหญ่ที่ต้องเจอหลังจากนี้คือ การเลือกว่าจะไปในทางไหน จะอยู่กับพลังประชารัฐ หรือ ไม่อยู่กับพลังประชารัฐ
ไม่ว่าจะเลือกในทางไหนเราอาจเห็นการแยกตัวของคนคุ้นเคยจากพรรค เพื่อเดินตามทางที่ตัวเองต้องการ ไม่แปลกที่ใครที่เคยอยู่กับการเมืองจะนึกถึง “กลุ่ม 10 มกรา” ซึ่งขณะนั้นมีนักการเมืองของพรรคกลุ่มหนึ่งที่ไม่พอใจแนวทางของพรรคและแยกตัวออกไป และคนที่แยกตัวครั้งนั้น ล้วนมีชื่อ ไม่ว่าจะเป็น “จาตุรนต์ ฉายแสง” “เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์” “วีระ มุสิกพงษ์” “สุชาติ ตันเจริญ”
โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดเมื่อปี 2522 หรือเมื่อ 40 ปีที่แล้วพอดิบพอดี