ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่แรงงานชาวเมียนมาร์แจ้งความว่านำทองคำ 7 บาทไปใส่ไหฝังดินเอาไว้แล้วถูกขโมย จากการสืบสวนทำให้ทราบข้อเท็จจริงว่าจริงๆแล้วนางแมลง เป็นคนนำทองคำไปเอง
โดยหลังจากมาแจ้งความตำรวตได้เชิญตัว นางแมลง และนางสาวเชอรี่ เพื่อนคนงานที่บันทึกภาพในวันเกิดเหตุ มาสอบปากคำ แต่ปรากฏว่านางแมลง ให้การวกไปวนมาเกี่ยวกับเครื่องมือที่ใช้ขุดหลุม โดยนางแมลงได้ให้การว่าใช้จอบขุด แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่เชื่อว่าจะใช้ได้เนื่องจากหลุมนั้นอยู่ใต้คานบ้านซึ่งจอบไม่สามารถที่จะยกขุดเข้าไปข้างในได้ จึงทำให้เกิดข้อสงสัยต่อเจ้าหน้าที่ ขณะที่จอบที่นางแมลงอ้างนั้นได้ถูกทิ้งไว้บริเวณข้างบ้าน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการวัดขนาดหน้าจอบ จึงออกอุบายให้นางแมลงสาบานต่อหน้าพระพุทธในห้องสืบสวน ในลักษณะเหมือนคำสาบานขณะในการในชั้นศาล ซึ่งทำให้นางแมลงเกิดความกลัว จึงยอมรับสารภาพเรื่องทั้งหมด ว่าทองทั้งหมดนั้นตนเป็นคนเอาไป
ฝันว่าถูกขโมย เลยเอาทองใส่ไหฝังดิน สุดท้ายหายจริง
นางแมลง ได้ยอมรับว่านำทองคำทั้งหมดไปจำนำ และนำไปขาย ในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.อยุธยา และคลอง 3 จ.ปทุมธานี เนื่องจากสามีไม่สบายเป็นตับแข็งและกลับไปอยู่บ้านที่ประเทศเมียนมาร์ พร้อมทั้งยอมรับว่าตนเองเป็นคนนำทองไปทั้งหมด ซึ่งเงินที่ได้มาก็ส่งไปให้สามีรักษาตัว และอีกส่วนหนึ่งก็เอาไปให้ลูกสาวจ่ายเงินค่าทำพาสปอร์ตเป็นจำนวนหลายหมื่นบาท
จากนั้นตำรวจได้นำนาแมลงมาชี้จุด สามจุดโดยเป็นพื้นที่เก็บตั๋วจำนำจำนวน 2 จุด และที่ทิ้งวัตถุพยานมีดและรองเท้า อีก 1 จุด
นางแมลงระบุด้วยว่าเรื่องทั้งหมดไม่มีใครรู้เห็นมีเพียงตนเองคนเดียวที่รู้เรื่องเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนที่จะสร้างเรื่องทั้งหมดกับลูกสาว
ขณะที่นางสาวเชอรี่และแฟนได้กลับมาบ้านแล้วทราบว่าทองทั้งหมดที่หายไปนั้น แม่ตนเองเป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมด ทำให้รู้สึกตกใจและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่พร้อมให้สัมภาษณ์และบันทึกภาพตนเอง พร้อมทั้งเปิดบ้านให้แม่เข้ามาเอาตั๋วจำนำใบสุดท้ายที่นางแมลงเก็บไว้ในบ้านมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน
