นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่ากฎหมายห้ามส่งออก นำเข้าหรือจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า แต่ปัจจุบนก็ยังพบการใช้อยู่และมีการสูบอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะวัยรุ่น รวมทั้งอาจเกิดความเข้าใจผิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีนิโคติน โดยบุหรี่ไฟฟ้านั้นไม่ใช่มีเพียงสารนิโคตินที่ทำให้ติดและเป็นสารก่อมะเร็งเท่านั้น แต่ยังมีสารที่ทำให้เกิดไอน้ำ และอาจมีโลหะหนักและสารพิษอื่นๆ อีกได้
เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าท้ามูลนิธิรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ ดีเบต ข้อดี-เสีย “บุหรี่ไฟฟ้า”
สธ.ยันไม่มีหลักฐานว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยคนเลิกสูบบุหรี่ได้
นพ.โอภาส ยังเปิดเผยว่ากล่าวว่า ในปี 2559-2561 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับตัวอย่างของกลางที่เป็นน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 51 ตัวอย่าง จากสถานีตำรวจในจังหวัดชลบุรี ซึ่งส่งมาตรวจพิสูจน์หาสารเสพติด จากการตรวจด้วยวิธี Thin Layer Chromatography (TLC) พบสารนิโคตินในทุกตัวอย่าง รวมทั้งตัวอย่างที่ข้างขวดระบุว่าปราศจากสารนิโคตินด้วย และเนื่องจากในการผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ายังไม่มีกฎหมายควบคุมกำกับ ผู้สูบจึงอาจเสี่ยงได้รับสารนิโคตินมากเกินขนาดตามปริมาณสารนิโคตินของผู้ผลิตแต่ละราย นอกจากนี้การสูบบุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นจุดเริ่มต้นของเยาวชนที่กลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ ซึ่งอาจเริ่มทดลองใช้บุหรี่ไฟฟ้าจนทำให้ติด ซึ่งอาจนำไปสู่การสูบบุหรี่หรือเสพสารเสพติดชนิดอื่นๆ ในอนาคตได้