ช่วงหัวค่ำวานนี้(9 มิ.ย.) เกิดเหตุที่สร้างความแปลกใจให้แก่คนไทยไม่น้อย เมื่อจู่ๆ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง ได้ประกาศแจ้งเตือนคนไทยในฮ่องกง ว่าเกิดการชุมนุมใหญ่ โดยผู้จัดตั้งการชุมนุมระบุเบื้องต้นว่ามีกว่า 500,000 คน และ ยิ่งผ่านไปคนยิ่งเพิ่มขึ้นจนพวกเขาระบุว่ามีคนมาร่วมเกิน 1,000,000 คน เป็นการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกาะฮ่องกงกลับไปเป็นของประเทศจีน
กงสุลไทยเตือน !! ฮ่องกงชุมนุม 5 แสนคน
อะไรเป็นเป็นสาเหตุให้คนฮ่องกงจำนวนมากออกมาชุมนุมในครั้งนี้
สาเหตุเป็นเพราะ ในวันพุธที่ 12 มิ.ย.62 จะมีการพิจารณาเรื่องการปรับแก้กฎหมายว่าด้วย “การส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ที่สภานิติบัญญัติฮ่องกง
โดยกฎหมายดังกล่าวเสนอโดยรัฐบาลฮ่องกง แต่เดิมนั้น ฮ่องกงจะสามารถส่งผู้ร้ายหลบหนีต่างชาติกลับไปยังเขตอำนาจศาลของประเทศนั้นๆ ได้ก็ต่อเมื่อมีความตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน
สืบเนื่องจากเรื่องนี้ทำให้ รัฐบาลฮ่องกง ที่นำโดย นางแคร์รี หลำ ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (Chief Executive of Hong Kong Special Administrative Region) จึงได้เสนอให้มีการปรับแก้ กฎหมาย เพื่อให้ฮ่องกงสามารถส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปให้ประเทศหรือเขตอำนาจศาลที่ไม่ได้ทำความตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันได้ และนั่นย่อมรวมถึงจีน
ว่ากันว่าการแก้กฎหมายดังกล่าว เป็นการเปิดประตูให้รัฐบาลจีน ใช้ช่องนี้ในการจัดการกลุ่มเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน รวมถึงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจีนที่หลบหนีและพักอาศัยในฮ่องกง
ผู้ประท้วงฮ่องกงปะทะตำรวจปราบจลาจล
ส่วนนางนางแคร์รี หลำ ชี้แจงว่าการปรับแก้กฎหมายฉบับนี้จะช่วยปิดช่องว่างทางกฎหมายและส่งเสริมให้ฮ่องกงเป็นเมืองที่ปลอดจากอาชญากรข้ามชาติ
แต่ดูเหมือนว่าคำชี้แจงของนางแคร์รี หลำ จะไม่ได้รับการเชื่อถือ มิเช่นนั้นม็อบใหญ่ขนาดนี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้
และแม้ว่าถึงเวลานี้สถานการณ์จะสงบลง แต่เชื่อว่าในวันที่ 12 มิ.ย. จะมีการชุมนุมอีกครั้ง และยังไม่มีใครบอกได้ว่าจะมากขนาดไหน
ทั้งนี้ในปี 2014 เคยมีม็อบใหญ่ในฮ่องกงมาแล้วครั้งหนึ่ง เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย โดยมีผู้ออกมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก โดยรู้จักในนาม “ม็อบร่มเหลือง” และแกนนำซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่อย่าง “โจชัว หว่อง” ก็กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
