พนักงานสอบสวนคุมตัวนายหง เจิ้ง อี้ ชาวไต้หวัน นายชลวิทย์ คีตะตระกูลและน.ส.พริสซิลลา ปริศนา จิวเมลลี่ หรือ ปุ๊กกี้ อดีตนักร้องยุค 90 ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก ซึ่งสื่อมวลชนพยายามถามว่าอยากฝากอะไรถึงสังคมหรือไม่ แต่ปุ๊กกี้ และสามี ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ และรีบวิ่งขึ้นรถตำรวจทันที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คัดค้านการประกันตัวทั้ง 3 คน เพราะเกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งกับพยานหลักฐาน
สำหรับนายหง เจิ้ง อี้ ผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และ มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วน ปุ๊กกี้ และ สามี ถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดเพราะข้อหาอื่นมีโทษหนักกว่า
ขณะที่แนวทางการสืบสวน หลังตำรวจใสอบปากคำทั้ง 3 คน ตลอดทั้งคืนพบว่า นายหง นำยาเสพติดกลับไปให้นายใหญ่ที่ไต้หวัน โดยมีชาวไต้หวันอีกที่หลบหนีไปได้เป็นผู้ประสานงาน และอยู่ระหว่างประสานทางการไต้หวันให้ติดตามตัว โดยนายหงอ้างว่า ทราบเพียงแค่ชื่อเล่นของชาวไต้หวันอีกคน ซึ่งเป็นคนติดต่อให้ซื้อยาเสพติดกับสามีของปุ๊กกี้ โดย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า ทั้งหมดไม่ได้เพิ่งทำครั้งแรก และมีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ
ป.ป.ส.สอบ “ปุ๊กกี้” พบมีหน้าที่จัดหา-ร่วมผลิตยาเสพติด
มีข้อมูลว่า ปุ๊กกี้ และสามี รับยาเสพติดมา จากโชคชัย 4 ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายผล ว่าเป็นเพียงจุดรับยาหรือเป็นเครือข่ายในพื้นที่ ในราคากิโลกรัมละ 350,000-370,000 บาท นำมาแบ่งใสซองพลาสติกซิปล็อกใสซองละประมาณ 1 กรัม ก่อนนำไปแบ่งขาย
ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า ปุ๊กกี้ยอมรับว่าตัวเองและสามีข้องเกี่ยวกับยาเสพติดมานานหลายปี ในทางสอบสวนยังไม่พบบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง เพราะปุ๊กกี้ไม่ซัดทอดถึงใคร และพบเงินหมุนเวียนในบัญชีของปุ๊กกี้ ช่วง 2-3 ปี กว่า 10 ล้านบาท แต่ต้องตรวจสอบว่าเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่
ตร.เร่งสอบขยายผล “ปุ๊กกี้-สามี” เกี่ยวข้องเครือข่ายข้ามชาติ