วันนี้ (23 มิ.ย.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 34 อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเริ่มจากกิจกรรมร้องเพลงประสานเสียงเพลงประจำประชาคมอาเซียน ที่ชื่อว่า “ดิอาเซียนเวย์” และต่อด้วยการกล่าวเปิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัมนตรี ในฐานะประธานอาเซียน โดยย้ำถึงเป้าหมายของการก่อตั้งประชาคมอาเซียน และประกาศสานต่อเป้าหมาย 3 ด้าน คือ ความมั่นคงเพิ่มขึ่น มั่งคั่งเพิ่มขึ้น และยั่งยืนขึ้น พร้อมประกาศเปิดตัวคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือทางไกลของอาเซียน ภายใต้โครงการจัดตั้งระบบโลจีสติกส์ฉุกเฉิน สำหรับใช้ในกรณีเกิดภัยพิบัติของอาเซียน หรือที่เรียกว่า DELSA (เดล-ซ่า) รวมถึงการยกระดับศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน เป็นองค์กรของอาเซียนในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
“บิ๊กตู่” แนะประเทศอาเซียน ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ขณะที่ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า การเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป ว่าจะต้องผลักดันให้ได้สำเร็จภายในปีนี้ เพราะจะเป็นกลไกสำคัญเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก ความตึงเครียดทางการค้าของประเทศคู่ค้าในอนาคต ทั้งยังส่งผลให้อาร์เซ็ปกลายเป็นเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจีดีพีของอาเซียนกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2025 ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี, อีอีซี และการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและอินโด-แปซิฟิก ส่วนความร่วมมือด้านความมั่นคง จะเดินหน้าผลักดันจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคคลการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อรับมือภัยคุกคามและอาชญากรรมข้ามชาติ
สำหรับการจัดตำแหน่งการถ่ายภาพของผู้นำประเทศ ตามธรรมเนียมผู้นำที่อยู่ตำแหน่งซ้ายมือของเจ้าภาพ จะเป็นประธานอาเซียนคนต่อไป ซึ่งในการประชุมครั้งนี้คือ นายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยการส่งมอบตำแหน่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 ที่จะจัดขึ้นในปลายปีนี้ ภายหลังพิธีเปิด ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ หรือที่เรียกว่า Retreat จะเป็นการหารือข้อเสนอที่เกิดขึ้นในการประชุมที่ผ่านมา เช่น ข้อเสนอให้อาเซียนร่วมเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันฟุตบอลโลก ใน 15 ปีข้างหน้า การหารือปัญหาการย้ายถิ่นฐานที่ไม่ปกติของชาวโรฮิงญา ในรัฐยะไข่ ในเมียนมาร์ รวมถึงร่วมลงนามในเอกสารผลลัพธ์ 17 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์ของผู้นำและแผนการพัฒนาภูมิภาคในด้านต่าง ๆ ร่วมกันในอนาคต
