ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และ รศ.นพ.ปรัญญา สากิยลักษณ์ แพทย์ประจำสาขาศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก ได้แถลงผลการตรวจชิ้นเนื้อของ น.ส.บุตรศรัณย์ ทองชิว หรือ น้ำตาล เดอะสตาร์ หลังจากการเสียชีวิตที่ยังคงเป็นปริศนา
โดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่า ทีมแพทย์ระบุว่า ภายหลังจากการเสียชีวิตก็ได้ขออนุญาตส่องกล้องเข้าไปตัดชิ้นเนื้อในโพรงจมูก
เปิดประวัติ “น้ำตาล เดอะสตาร์”
คาดทั่วประเทศ มีผู้ป่วย ‘วัณโรคดื้อยา’ กว่า 2 พันราย
บุคลากรทางการแพทย์เสี่ยงเป็นวัณโรคสูงกว่าคนทั่วไปถึง 3 เท่า
ขณะที่ นพ.ปรัญญา ระบุว่า หลังจากการเสียชีวิต เราได้ประสานแพทย์ หู คอ จมูก ให้ส่องกล้องเข้าไปดูด้านหลังของโพรงจมูก เนื่องจากลักษณะอาการ คนไข้ไม่ได้ไอเป็นเลือด แต่เลือดที่ออกออกมาจากหลังโพรงจมูก เราจึงส่องกล้องไปดู และพบว่าหลังโพรงจมูกมีสีของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ จากนั้นจึงได้ปรึกษาคุณแม่ขอชิ้นเนื้อไปตรวจ ซึ่งทางครอบครัวได้อนุญาต และเมื่อตัดไปสองชิ้นก็มีเลือดไหลออกมามาก ซึ่งคาดว่าจุดนี้เป็นจุดกำเนิดของเลือดออก และพยาธิแพทย์ก็มาช่วยยืนยันว่าเพียงพอต่อปริมาณการตรวจ
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อนำไปตรวจ ผลที่ออกมามีลักษณะที่เข้าได้กับวัณโรค ก็อยากให้แน่ใจว่าการวินิจฉัยถูกต้อง การตรวจชิ้นเนื้อไม่พบเชื้อวัณโรค และเราก็ตรวจอีกอย่างเพื่อหาดีเอ็นเอ สิ่งที่ต้องการจะดู และสรุปว่าเป็นเรื่องของวัณโรคด้านหลังของโพรงจมูก และอธิบายสาเหตุต่างๆได้พอสมควร
กรมราชทัณฑ์รับนักโทษล้นคุก เหตุวัณโรคแพร่กระจาย
ทำไม? “โรคหิด – วัณโรค” ระบาดหนักในเรือนจำ
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขอถือโอกาสจะให้เราได้ข้อมูลอะไรบางอย่าง วัณโรคไม่ได้น้อยลงในประเทศไทย ข้อมูลอ้างอิง ว่าปี 2560 มีคนไข้ 80,000 คนที่เป็นวัณโรค โรคนี้ไม่ได้น่ากลัวหรือน่ารังเกียจ เรารักษาได้ นอกจากนี้เรายังมีข้อมูลว่า 83% เป็นวัณโรคที่เจอในปอด 17% เจอนอกปอด และน้อยกว่า 1 %เจอที่หลังโพรงจมูก กรณีนี้เป็นกรณีที่ไม่ปกติจริงๆเจอน้อยมาก สิ่งที่อยากจะฝาก เราขอให้ช่วยว่าวัณโรคในไทยยังมี และหากเจอก็รักษา การดื้อยามีแค่ 2% ใม่อยากให้ตื่นตระหนก ส่วนกรณีคุณน้ำตาลไม่มีอาการอะไร สิ่งที่อยากแนะนำคือการตรวจร่างกายประจำปี อีกอย่างที่อยากฝากคือแม้จะตรวจร่างกายแต่มีอะไรที่ผิดปกติเช่นผอมลง เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำๆ อย่าชะล่าใจ อยากให้ไปพบแพทย์ กรณีนี้เป็นกรณีน่าจะเป็นประเด็นให้เกิดการเรียนรู้ในสังคมไทย