เลขาธิการสภาความมั่นคงสูงสุดแห่งชาติของอิหร่าน เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 กรกฎาคม รัฐบาลจะดำเนินการขั้นตอนที่ 2 ในการถอนตัวออกจากพันธสัญญาบางส่วนของข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้กับชาติมหาอำนาจในปีค.ศ. 2015 เพิ่มเติมอีก หลังเพิ่งจะระงับการปฏิบัติตาม 2 เงื่อนไขของข้อตกลงดังกล่าว เมื่อ 8 พฤษภาคม พร้อมขีดเส้นตายระยะเวลา 60 วัน ให้กับประเทศมหาอำนาจที่ร่วมลงนาม อย่าง ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย จีนและสหราชอาณาจักรว่าจะช่วยปกป้องเศรษฐกิจอิหร่านจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ หรือหาทางให้อิหร่านขายน้ำมันได้ต่อไปหรือไม่
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่ออิหร่าน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยพุ่งเป้าไปที่อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคน รวมถึงเตรียมคว่ำบาตรนายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน เพื่อตอบโต้ต่อกรณีที่กองกำลังอิหร่านยิงโดรนลาดตระเวณของกองทัพตก รวมถึงพฤติกรรมก้าวร้าวของอิหร่านที่อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของนอร์เวย์และญี่ปุ่นในอ่าวโอมาน ขณะที่อิหร่านได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด
อิหร่านขู่ถอนตัวข้อตกลงยุตินิวเคลียร์
มหาอำนาจยุโรปยึดมั่นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน แม้สหรัฐฯถอนตัว
ด้านประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานีของอิหร่านกล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรรอบล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าทำเนียบขาวมีความ “บกพร่องทางสติปัญญา” ส่งผลทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ออกมาตอบโต้ผ่านทางทวิตเตอร์ ระบุว่าผู้นำอิหร่านขาดความเข้าใจที่ถ่องแท้และอิหร่านจะต้องเผชิญกับกองกำลังที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจหากคิดโจมตีสหรัฐฯ