ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานีของอิหร่าน เปิดเผยว่ารัฐบาลไม่ต้องการเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคและไม่ต้องการทำสงครามกับประเทศใดก็ตาม รวมถึงสหรัฐฯ อิหร่านยังมุ่งมั่นที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคมาโดยตลอด
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากผู้นำสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ พุ่งเป้าโจมตีอยาตอลเลาะห์อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคน เพื่อตอบโต้ต่อกรณีที่กองกำลังอิหร่านยิงโดรนของกองทัพตก รวมถึงตอบโต้พฤติกรรมก้าวร้าวของอิหร่าน โดยสหรัฐฯ กล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของนอร์เวย์และญี่ปุ่นในอ่าวโอมาน ขณะที่อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหา
สำหรับมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่เป็นการโจมตีอิหร่านรอบล่าสุดนับตั้งแต่ผู้นำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ประวัติศาสตร์ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจโลก ปี ค.ศ. 2015 โดยประธานาธิบดีรูฮานีกล่าวโทษสหรัฐฯ สำหรับความตึงเครียดในภูมิภาคและกล่าวว่า หากสหรัฐ ยึดมั่นตามข้อตกลง คงได้เห็นการพัฒนาเชิงบวกในภูมิภาค
ทั้งนี้ อิหร่านประกาศว่าจะระงับการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์บางส่วนเพิ่มเติมอีกนับตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.นี้เป็นต้นไป เพื่อต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของสหรัฐฯ หลังเพิ่งจะระงับการปฏิบัติตาม 2 เงื่อนไขของข้อตกลงดังกล่าว และขีดเส้นตายระยะเวลา 60 วัน ให้กับชาติภาคีที่เหลือ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย จีน และ สหราชอาณาจักรว่าจะช่วยปกป้องเศรษฐกิจอิหร่านจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ หรือหาทางให้อิหร่านขายน้ำมันได้ต่อไปหรือไม่ เมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา
“อิหร่าน” ประณาม สหรัฐฯคว่ำบาตร
“ผู้นำอิหร่าน”ปฏิเสธเจรจาสหรัฐฯ ปม คว่ำบาตร