ข้อมูลจาก “โคเปอร์นิคัส ไคลเมท เชนจ์ เซอร์วิส” (Copernicus Climate Change Service : C3S) หน่วยงานด้านดาวเทียมของสหภาพยุโรปหรืออียูเปิดเผยว่า อุณหภูมิเฉลี่ยในทวีปยุโรปของเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าระดับปกติถึง 2 องศาเซลเซียส หลังเผชิญคลื่นความร้อนที่พัดอากาศร้อนจัดจากทะเลทรายซาฮาร่าแผ่ปกคลุมทั่วพื้นที่ โดยในประเทศฝรั่งเศส เยอรมนีและทางตอนเหนือของสเปนในช่วงปลายเดือนมิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ยพุ่งสูงกว่าปกติถึง 6 องศาเซลเซียส
ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกของเดือนที่แล้วเพิ่มขึ้นจากระดับปกติประมาณ 0.1 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติที่เคยบันทึกไว้เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2016 ซึ่งมีสาเหตุมาจากปรากฎการณ์เอลนีโญในขณะนั้น
ฤดูร้อนออสเตรเลียทุบกว่า 200 สถิติ
“เอลนิโญ่” พ่นพิษ ออสเตรเลียร้อนจัด ทะลุ 45 องศา
ยุโรปยังอ่วม อุณหภูมิยังไม่ต่ำกว่า 40 องศา
หน่วยงานดังกล่าวยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อมโยงปรากฎการณ์คลื่นความร้อนเข้ากับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโดยตรง แต่ย้ำว่า สภาพอากาศที่รุนแรงลักษณะนี้มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งเนื่องจากภาวะโลกร้อน ขณะที่ “ปีเตอร์ สก็อตต์” ผู้เชี่ยวชาญด้านบทบาทการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ประจำกรมอุตุนิยมวิทยาอังกฤษ กล่าวว่า อุณหภูมิเฉลี่ยจากคลื่นความร้อนที่รุนแรงในลักษณะคล้ายกันนี้ เมื่อ 100 ปีก่อน ยังอาจจะต่ำกว่าระดับในปัจจุบันถึง 4 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าในปัจจุบัน อุณหูมิของโลกร้อนขึ้น 1 องศาเซลเซียส สูงกว่าระดับอุณหูมิระหว่างปี 1850 และปี 1900 โดยมีสาเหตุมาจากก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากรถยนต์ เครื่องบินและกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์